เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

คราบอสุจิติดโถส้วม ทำเราท้องได้จริงหรือ…!? “เข้าห้องน้ำต่อจากผู้ชายซึ่งเปื้อนคราบอสุจิ มีโอกาสท้องหรือไม่?” “น้ำอสุจิที่อยู่ในโถส้วมมีโอกาสกระเด็นเข้าสู่ช่องคลอดของผู้หญิงได้จริงหรือเปล่า?” “น้องสาวสัมผัสคราบอสุจิบนขอบส้วมสาธารณะ มีโอกาสท้องจริงไหม?” … สารพัดคำถามที่กำลังเป็นประเด็นดราม่าบนโลกออนไลน์ จากกรณีที่มีการตั้งกระทู้ในเว็บบอร์ดชื่อดัง ถามไถ่ถึงปัญหาเรื่องเพศ ที่หลายๆ คน โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น ตั้งข้อสงสัยขึ้นมาว่า สรุปแล้ว… ความเชื่อที่ว่า “เข้าห้องน้ำต่อจากผู้ชาย ซึ่งเปื้อนคราบอสุจินั้น มีโอกาสท้องได้ จริงหรือไม่…?” …

ประเด็นนี้ หลายคนที่ได้ยินได้ฟังก็คงรู้สึกว่า เป็นคำถามที่ดูไร้สาระเสียเหลือเกิน นี่มันยุคไหนสมัยไหนเข้าไปแล้ว ทำไมถึงยังเชื่ออะไรผิดๆ เช่นนี้อยู่… แต่คุณเคยสงสัยกลับหรือไม่ว่า แล้วความเชื่อเหล่านี้ มันมาจากไหน…? วันนี้ ‘ซอซิ่ม’ แห่งทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้เชื้อเชิญคุณหมอใจดี ผู้มากความรู้และประสบการณ์ มาไขข้อข้องใจ ให้หลายคนได้ทำความเข้าใจถึงปัญหาเรื่องเพศ ได้อย่างถูกต้องและชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะน้องๆ หนูๆ จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิด จนต้องมาตั้งกระทู้ถามว่า “หนูจะท้องมั้ยคะ” …!?

ชักโครกเปื้อนคราบอสุจิ น้องสาวสัมผัส มีโอกาสท้องได้หรือไม่

จากประเด็นที่หลายคน โดยเฉพาะน้องๆ หนูๆ ทั้งหลาย ที่ยังคงสงสัยและกังวลใจ…’ซอซิ่ม’ ยิงคำถามแรกกับคุณหมออย่างตรงไปตรงมาว่า เอาชัดๆ ชัวร์ๆ สรุปแล้ว “เข้าห้องน้ำต่อจากผู้ชาย ซึ่งเปื้อนคราบอสุจินั้น มีโอกาสท้องได้จริงหรือไม่?” รศ.นพ.สุภักดี จุลวิจิตรพงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์นรีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ตอบอย่างทันควันว่า“ไม่เป็นความจริง”…

ทั้งนี้ หากอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เมื่ออสุจิออกมาภายนอกร่างกาย และภายนอกช่องคลอด อสุจิจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และการที่ตัวอสุจิจะเคลื่อนตัวเข้าไปในโพรงมดลูก และเกิดการปฏิสนธิกับไข่ของเพศหญิงได้จะต้องอาศัยน้ำเชื้ออสุจิและมูกปากช่องคลอดที่เหมาะสม แต่กรณีที่มีคราบอสุจิเปื้อนอยู่บริเวณฝานั่งชักโครกนั้น เป็นอสุจิที่ตายแล้ว ดังนั้น คราบอสุจิ จึงไม่สามารถทำให้ท้องได้แน่นอน

“จากประสบการณ์ตรวจอสุจิของคนไข้ โดยการนำอสุจิมาหยดลงบนแผ่นสไลด์และตรวจดูภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เราพบว่า เมื่อน้ำอสุจิระเหยแห้ง จนเหลือเพียงคราบ ตัวอสุจิเหล่านั้นจะตายหมด ไม่สามารถว่ายหรือเคลื่อนตัวเข้าไปในช่องคลอดผ่านปากมดลูก และเข้าไปในโพรงมดลูกได้อย่างแน่นอน”

เคลียร์ชัดๆ! การตั้งท้องใน “ผู้หญิง” เกิดขึ้นได้ ต้องมีเพศสัมพันธ์ในช่วง “ตกไข่” เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม รศ.นพ.สุภักดี อธิบายถึงกลไกที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ว่า การตั้ง “ท้อง” ในผู้หญิงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการตกไข่ในผู้หญิง และมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่มีการตกไข่เท่านั้น กรณีอื่นๆ เช่น การที่มีคราบอสุจิหลงเหลืออยู่ แล้วเกิดอวัยวะเพศของผู้หญิงไปสัมผัสนั้น ไม่สามารถทำให้เกิดการตั้งท้องได้

หากอธิบายถึงการ “ตั้งครรภ์” ในผู้หญิง จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีองค์ประกอบ ดังนี้ …

1. ผู้หญิงต้องมีการตกไข่ โดยธรรมชาติของผู้หญิงที่ปกติ จะต้องมีการตกไข่ ประมาณวันที่ 14 นับจากวันที่ประจำเดือนมาวันแรก หรืออาจจะเร็วหรือช้ากว่านั้น ประมาณ 2 วัน ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของร่างกายแต่ละคน
2. ผู้หญิงและผู้ชาย จะต้องมีเพศสัมพันธ์กันในช่วงเวลาที่มีการตกไข่ หรือใกล้เคียงช่วงวันหรือหลังการตกไข่ เพราะเมื่อมีการตกไข่ จะสามารถอยู่ได้ประมาณ 24 ชม. ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์ภายใน 24 ชม. หรือก่อนและหลังวันไข่ตก ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากอสุจิที่อยู่ในมดลูกมีชีวิตอยู่ได้ 24-48 ชม.
3. ผู้หญิงที่จะสามารถตั้งครรภ์ได้ ต้องมีความสมบูรณ์ของมดลูกพอสมควร และท่อรังไข่ต้องทำงานปกติ ไม่มีการอุดตัน รวมถึงอสุจิผู้ชายก็ต้องมีความแข็งแรงพอสมควรด้วยเช่นกัน

ที่สำคัญ กลไกการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง จนทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้นั้นฝ่ายชายจะต้องมีการหลั่งน้ำอสุจิในช่องคลอดของฝ่ายหญิงเท่านั้น และเมื่อมีการหลั่งในช่องคลอด ตัวอสุจิจะต้องสามารถว่ายเคลื่อนตัวเข้าไปในโพรงมดลูก ย้ำว่า ตัวอสุจิต้องว่ายเข้าไปในโพรงมดลูก โดยต้องอาศัยน้ำเชื้ออสุจิและมูกช่องคลอดที่เหมาะสม จึงทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้

“ดังนั้น จะเห็นว่า การที่ผู้หญิงจะตั้งท้องได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแค่อวัยวะเพศผู้หญิงไปสัมผัสน้ำเชื้ออสุจิหรือคราบอสุจิที่เปื้อนอยู่บนขอบโถส้วม แล้วจะทำให้เกิดการตั้งท้องได้ นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดเป็นอย่างมาก” รศ.นพ.สุภักดี ระบุ

ที่มา – http://www.thairath.co.th/

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online