ล่าสุดวันนี้เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย นายศิริพงษ์ พงศ์พันธุ์สุข อดีตอัยการศาลสูงภาคหนึ่ง ในฐานะหัวหน้าชุดทนายความของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายื่นฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ได้รับหนังสือมอบอำนาจจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้จัดหาทีมทนายความและแถลงข่าวเรื่องส่วนตัว โดยมีการแต่งตั้ง นายศิริพงษ์ พงศ์พันธุ์สุข อดีตอัยการศาลสูงภาค 1 เป็นหัวหน้าชุดทีมทนายฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทกับทนายตั้ม เบื้องต้นศาลรับไต่สวนมูลฟ้อง ในวันที่ 10 มิ.ย. เวลา 13.30 น. โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะเดินทางมาไต่สวนมูลฟ้องนัดแรกด้วยตัวเอง
ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกกับตนว่า การที่ทนายตั้มออกมาพูดเรื่องดังกล่าวถือเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงกันในชั้นศาล ถ้าพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดจริงก็ยินดีจะรับผิดชอบตามกระบวนการยุติธรรม นอกจากนั้นยังยินดีที่จะเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงตามกระบวนการหลังจากทนายตั้มยื่นเรื่องให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบตัวเอง และยินดีจะให้ข้อมูลกับชุดตรวจสอบของนายกรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ส่วนการฟ้องร้องครั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการฟ้องร้องเพื่อแก้เกี้ยว หรือเข้าสู่การพูดคุยนอกรอบ ยืนยันว่าจะไม่มีการต่อรองไกล่เกลี่ย เพราะพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ต้องการพิสูจน์ความจริง นอกจากฟ้องร้องคดีอาญา ยังฟ้องร้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาทด้วย
ส่วนหลักฐานเรื่องเส้นเงินที่ทนายตั้มนำมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ มีการใช้ตำรวจ เจ้าหน้าที่เขต เและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ไปล้วงข้อมูลส่วนตัวทะเบียนราษฎร์ของ ผบ.ตร. และครอบครัว มีข้อมูลว่าเจาะเข้าไปดูข้อมูลของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ 20 ครั้ง ส่วนภรรยาถูกสำรวจข้อมูลถึง 40 ครั้ง รวมถึงเข้าไปในระบบเพื่อดูข้อมูล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติท่านอื่นด้วย ตั้งแต่ช่วงปี 2566-2567 เชื่อว่าเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐทำงานกันเป็นขบวนการ เพื่อให้ได้ข้อมูลเหล่านี้มา
ส่วนที่ทนายตั้มด้อยค่าเรื่องการแพ้คดี ฟ้องร้องหมิ่นประมาทถึง 6 ครั้ง นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ทนายตั้มพูดข้อมูลไม่หมด ก่อนหน้านี้มีการฟ้องร้องคดีกันถึง 25 คดี และบางคดียังไม่ถึงที่สุดยังอยู่ในชั้นอุทธรณ์ ส่วนนายศิริพงษ์หัวหน้าชุดทนายความให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่ตัวเองเคยฟ้องร้องกันก่อนหน้านี้
กรณีที่ทนายตั้มชวนให้ตนอยู่ทีมเดียวกันในการตรวจสอบทุจริตการรับส่วยนั้น ถ้ามาโดยสุจริตโปร่งใสก็ยินดี แต่จากที่ได้ยินมาเป็นข้อมูลเลื่อนลอยไม่มีหลักฐาน ทำให้ ผบ.ตร.ได้รับความเสียหาย
ด้านนายศิริพงษ์ ทนายความ กล่าวว่า จากหลักฐานที่ทนายตั้มนำมาแถลงไม่มีข้อมูลอะไรเลย เป็นเพียงการสร้างหลักฐานเท็จ หากมีข้อมูลจริงก็ควรไปแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ถูกกล่าวหา หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็ยอมรับ
เมื่อถามว่าการได้มาของข้อมูลหากได้มาโดยมิชอบจะถือว่าเป็นโมฆะหรือไม่ ทนายความ กล่าวว่า ต้องพิสูจน์ก่อน หากพบว่าข้อมูลที่นำมาเปิดเผยและให้ตรวจสอบ เป็นข้อมูลโดยมิชอบ ตามหลักทางกฎหมายแล้วก็ไม่สามารถใช้ในการดำเนินคดีใดๆ ได้ ต้องไปขอหลักฐานใหม่จากเจ้าหน้าที่รัฐอย่างถูกต้องก่อน
ทนายความ กล่าวว่า หลังจากที่พูดคุยกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ลูกความไม่มีความกังวลยืนยันว่าข้อมูลที่ทนายตั้มได้มาเป็นข้อมูลเท็จจึงตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะมั่นใจในพยานหลักฐานว่าจะสามารถต่อสู้คดีได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาแล้วๆๆๆ “ครูไพบูลย์” กงยูเมืองไทย เคลื่อนไหวถึง “หนูรัตน์” ทันที หลังโดนแฉ มีแฟนตัวจริงอยู่แล้ว
by TVPOOL ONLINE