หลังจากที่นักร้องนักแสดงสาว “นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” ตั้งใจจะไปรักษามะเร็งที่ รพ.มะเร็งสมัยใหม่แสตมฟอร์ดกว่างโจว ประเทศจีน ด้วยการฉีดแร่ แต่เมื่อตรวจอย่างละเอียดพบมะเร็งอีก 3 ก้อนต่อมน้ำเหลือง คุณหมอจึงเห็นว่าไม่ควรที่จะฉีดแร่ ทำให้เหลือการรักษาเพียง 2 ทาง คือผ่าตัด และฉีดเซลล์ต้นกำเนิด ล่าสุด ทาง สมาคมมะเร็งป๋ออ้าย ยังได้แต่งตั้ง นุ๊ก-สุทธิดา เป็นทูตต่อต้านมะเร็งสากล รับภารกิจสำคัญสร้างกำลังใจแก่ผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลก หลังจากที่รับจำแหน่ง นุ๊กสุทธิดา ได้เปิดใจอัพเดตอาการป่วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ก่อนจะเจอโรงพยาบาลนี้ แนวทางการรักษาของเราเป็นยังไงบ้าง?
แนวทางการรักษาก็คือผ่าตัดเอามะเร็งไทรอยด์ออกเรียบร้อยแล้ว และจะมีมะเร็งที่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองประมาณ 10 กว่าจุด ซึ่งเอาออกไปได้เกือบหมด หลังจากนั้นก็เป็นการกลืนแร่ เหมือนกับให้คีโมค่ะ การกลืนแร่คุณหมอก็หวังว่าอาจจะทำให้มะเร็งหมดไป แต่ปรากฏว่ามันก็ยังไม่หมดไป แต่คุณหมอบอกว่าถ้าเราไม่สบายใจ คิดว่ามันใหญ่ขึ้น เราอยากจะผ่าก็ผ่าได้ ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกว่ายังไม่อยากผ่า ตอนนี้ก็ยังไม่อยากผ่า แต่ด้วยความที่มันมีทางเลือกแค่นี้ พอเรามาที่นี่ได้คุยมากขึ้น ทางโรงพยาบาลก็มีทางเลือกให้ 2-3 ทางเลือก แต่พอไปคุยจริงๆ แล้ว ได้ทำการตรวจอย่างละเอียดแล้ว เค้าก็ให้อยู่ 2 ทางเลือด ก็คือผ่าตัดไปเลย ซึ่งเรายังไม่อยากเลือกทางนั้น กับอีกอันนึงคือการฉีดเซลล์ต้นกำเนิด อีกอย่างมันช่วยทำให้เซลล์โดยรวมของเราแข็งแรงและไม่กลายไม่ขยายใหญ่ขึ้น มันเป็นการชะลอ”
จริงๆ ตั้งใจจะไปฉีดแร่?
ค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะไปฉีดแร่ได้ เลยคิดว่าสบายสบายๆ ไม่ต้องผ่าตัด แต่ทีนี้พอคุณหมอไปตรวจแล้วปรากฏว่าก้อนมันใหญ่กว่าที่คิดไว้ สองมันไม่ได้มีก้อนเดียว มันมี 3 ก้อน คุณหมอก็บอกว่ามันไม่ควรที่จะฉีดแร่ คือการเจอหมอคือต้องบอกก่อนว่าวัฒนธรรมหมอไทยกับจีนไม่เหมือนกัน ของไทยจะประเภทแบบไม่เป็นไรนะ คุณหมอจะพูดอ้อมๆ เราจะไม่ค่อยรู้รายละเอียดเยอะ ซึ่งจริงๆ เราอยากรู้นะ แต่ที่จีนไปถึงวันแรกจะให้เวลากับเราเยอะมาก คุยละเอียด
แพลนการผ่าตัดจะเกิดขึ้นเมื่อไร ?
ผ่าตัดนี่น่าจะอยู่ที่ใจเราก่อนค่ะ คือนุ๊กคุยกับแหม่ม วิชุดา ว่าอยากเป็นแหม่ม บินไปเกาหลีแล้ววางยาสลบขึ้นเตียงผ่าตัดทำได้ในเวลา 5 นาที แหม่มตัดสินใจเลย นุ๊กเคยอยู่กับเขาในตอนนั้น เก่งมากอ่ะ นุ๊กรู้สึกว่าการดมยามันเรื่องใหญ่ นุ๊กมีความเชื่อว่าเราตายไปครึ่งหนึ่งแล้วเวลาอยู่ในห้องผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นคลอดลูก เท่ากับเราตายไปครึ่งนึงแล้ว เราเลยรู้สึกว่ายังไม่พร้อม อีกอย่างก็มีธุรกิจที่เพิ่งจะเริ่มทำ
ตอนนี้เลยคิดว่าอยากจะไปฉีดสเต็มเซลล์ก่อน คือด้วยความที่เรายังห่วงลูก ห่วงเรื่องงาน และการผ่าตัดกว่าจะพักฟื้นเอฟเฟกต์มันก็เยอะ มันเหมือนมีอาการออฟฟิศซินโดรมมาร่วมด้วย เพราะพังผืดมันก็จะเกาะ กว่าจะยืดคอก็มึนหัวอีก มันเป็นช่วงที่ทำงานยากมาก แต่คิดว่าพอจบละคร 2 เรื่อง และลุยธุรกิจส่วนตัวแล้ว น่าจะไปอยู่ในช่วงของการดูแลตัวเองค่ะ”
ลูกๆให้กำลังใจอย่างไงบ้าง
ลูกๆ นุ๊กว่าลึกๆ เขาก็กลัวแหละค่ะ แต่เด็กผู้ชายจะมีความแบบแม่ไม่เป็นอะไรหรอก แม่ตายยาก ลึกๆ ก็รู้ว่ากลัวนะ ก็ดูเศร้าๆ ไป แต่หลังจากที่เขาเห็นเราใช้ชีวิต แม่ก็ดูปกติ คงไม่เป็นไรหรอก น่าจะไม่ได้เครียดอะไร เขาก็ไม่ได้เครียดตามเรา เราก็ไม่อยากให้เครียด
อย่างลูกคนโต 2 คน จะบอกว่าแม่ตายยาก แม่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ แต่คนเล็ก เราก็กลัวว่าด้วยสภาพมะเร็ง เราคงอยู่จนเขาเรียนจบมั้ง แต่ก็ก็คงน้อยไป ถ้าเขาเข้าช่วงวัยรุ่น เราจะได้อยู่ไหม เรากลัวสภาพจิตใจเขามากกว่า เราก็เอาหนังสือมาให้เค้าอ่าน มีอยู่วันนึงเค้าบอกว่าเค้าอ่านจบแล้วนะ ตอนจบแม่เค้าตายนี่ ทำไมยูเอาหนังสือนี้ให้ไออ่าน เราก็ก็จะบอกเขาว่าเพราะไอกลัวว่าถ้าไอตาย ยูจะอยู่ไม่ได้ เค้าก็อ๋อเหรอ แต่ยูต้องอยู่ให้ได้นะ จะคุยกันเล่นๆ แบบนี้ค่ะ
ลูกคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องพยายามหาหนทางต่างๆ เพื่อให้มีชีวิตต่อ?
ใช่ค่ะ ถ้าอย่างอื่นเฉยๆ ค่ะ รู้สึกว่าใช้ชีวิตมาถึงจุดหนึ่งแล้ว หลังหลังเริ่มแต่งตัวหรือทำอะไรที่อยากจะทำจริงๆ มากขึ้น เมื่อก่อนเราต้องอิงกับละคร ไว้ผมยาวเพื่อเล่นเป็นแม่ เดี๋ยวนี้ตัดผมผมสั้นใส่วิก โค้งสุดท้ายเราต้องเริ่มเคาท์ดาวน์ตัวเอง เราต้องใช้ชีวิตแบบที่เป็นเรา ไม่ใช่แม่ของลูก ไม่ใช่คนในละครมากจนเกินไปค่ะ”
อะไรที่ทำให้เราต้องเริ่มเคาท์ดาวน์ตัวเอง?
จริงๆ นุ๊กว่าทุกคนมีความรู้สึกว่าทุกคนต้องตาย แต่เชื่อไหมมันไม่มีใครฟีลคำพูดนี้ได้เท่าคนที่เห็นความตายตรงปลายจมูก เราผ่านการรอฟังผลแล้วเหงื่อแตกทุกรูขุมขน ใจฟังแล้วมันแวบ มันผ่านมาแล้ว เลยทำให้เรารู้ว่าจริงๆ ไม่ใช่แค่เราคนเดียว ชีวิตทุกคนเกิดมามันก็เคาท์ดาวน์ทันที ว่าเราจะไปเมื่อไหร่ มันถึงมีเรื่องของศาสนาเข้ามายึดเหนี่ยวจิตใจ ทำในสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ”
by TVPOOL ONLINE