เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หลังการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ฟื้นคืนประเพณีเก่าแก่ที่สืบต่อกันมายาวนานให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่โดยพระคาร์ดินัล ..?


-คริสตจักรนิกายโรมันคาธอลิกเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า “Sede Vacante” (อาสนวิหารว่าง) หรือการที่ตำแหน่งพระสันตะปาปาว่างลง ซึ่งพระคาร์ดินัลอาวุโสจะเข้ามารับหน้าที่ดูแลภารกิจประจำวัน จนกว่าจะมีการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่

-camerlengo ยังได้รับมอบหมายให้ทำลาย “แหวนชาวประมง” ซึ่งเป็นแหวนตราประทับทองคำที่หล่อขึ้นเป็นพิเศษสำหรับพระสันตะปาปาองค์ใหม่แต่ละพระองค์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้ในการปิดผนึกเอกสาร เดิมทีการทำลายแหวนดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันการปลอมแปลง แต่ในปัจจุบัน การทำลายแหวนต่อหน้าพระคาร์ดินัลในการประชุม Sede Vacante ครั้งแรก เป็นเพียงสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของพระสันตะปาปา

-การประชุมลับของพระคาร์ดินัลเพื่อเลือกพระสันตปาปา หรือที่เรียกว่า Conclave มาจากคำภาษาละติน 2 คำ ได้แก่ Cum (ด้วย) และ Clave (กุญแจ) หรือแปลว่า “ด้วยกุญแจ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าพระคาร์ดินัลต้องอยู่ภายในห้องจนกว่าจะเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้

การสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรานซิสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ฟื้นคืนประเพณีเก่าแก่ที่สืบต่อกันมายาวนานให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่โดยพระคาร์ดินัล แม้ว่ากระบวนการดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ตาม โดยกระบวนการดังกล่าวจะดำเนินไปดังต่อไปนี้

เมื่อพระสันตปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์ ตามที่สำนักวาติกันประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คริสตจักรนิกายโรมันคาธอลิกจะเริ่มพิธีกรรมอันซับซ้อนที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งการสิ้นสุดของตำแหน่งพระสันตะปาปาองค์หนึ่ง และนำไปสู่การเริ่มต้นของตำแหน่งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป

Sede Vacante

คริสตจักรนิกายโรมันคาธอลิกเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า “Sede Vacante” (อาสนวิหารว่าง) หรือการที่ตำแหน่งพระสันตะปาปาว่างลง ซึ่งพระคาร์ดินัลอาวุโสจะเข้ามารับหน้าที่ดูแลภารกิจประจำวัน จนกว่าจะมีการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่

ซึ่งก็คือพระคาร์ดินัล ซึ่งเรียกกันว่า “คาเมอร์เลงโก” (Camerlengo) หรือ เลขาธิการพระราชวังพระสันตะปาปา ในกรณีนี้คือพระคาร์ดินัล เควิน ฟาร์เรลล์ ชาวไอริช-อเมริกัน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยโป๊ปฟรานซิส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2019

เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพียงคนเดียวในลำดับชั้นของคริสตจักรที่ยังคงดำรงตำแหน่ง โดยพระคาร์ดินัลคนอื่นๆ ทั้งหมดต้องลาออกหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปา ตามธรรมเนียมแล้ว บทบาทหลักของเขาคือการรับรองการสิ้นพระชนม์ ซึ่งเมื่อทำสำเร็จแล้ว เขาจะเคาะหน้าผากของพระสันตะปาปาสามครั้งด้วยค้อนเงินพิเศษ และเรียกชื่อเกิดของพระองค์

camerlengo ยังได้รับมอบหมายให้ทำลาย “แหวนชาวประมง” (Fisherman’s Ring) ซึ่งเป็นแหวนตราประทับทองคำที่หล่อขึ้นเป็นพิเศษสำหรับพระสันตะปาปาองค์ใหม่แต่ละพระองค์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้ในการปิดผนึกเอกสาร เดิมทีการทำลายแหวนดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันการปลอมแปลง แต่ในปัจจุบัน การทำลายแหวนต่อหน้าพระคาร์ดินัลในการประชุม Sede Vacante ครั้งแรก เป็นเพียงสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของพระสันตะปาปาเท่านั้น

แหวนชาวประมงวงแรกปรากฎขึ้นเมื่อปี 1265 ในสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 4 (Pope Clement IV) สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 183 ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติอันเคร่งครัดของวาติกันที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน พระคาร์ดินัลผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในการประชุมเลือกสมเด็จพระสันตะปาปา (The Papal Conclave) ของการประชุมคณะพระคาร์ดินัล จะได้รับแหวนทองซึ่งสลักรูปนักบุญปีเตอร์ สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกในอิริยาบถกำลังเหวี่ยงแหจับปลา สลักคู่กับพระนามของสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ปัจจุบันไว้ที่บริเวณหัวแหวน

ในอดีตแหวนชาวประมงนี้นอกจากจะเป็นตราประจำพระองค์สมเด็จพระสันตะปาปาแล้ว ยังถูกใช้เพื่อเป็นตราประทับบนเอกสารควบคู่กับการลงลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาอีกด้วย และเมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ลง วาติกันจะมีการประกอบพิธีทำลายแหวน โดยคาเมอร์เลงโก ด้วยการใช้ฆ้อนทุบทำลายแหวนให้ยุบตัวลง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการสิ้นสุดสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์นั้น นอกจากนี้ พิธีทำลายแหวนยังมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการป้องกันการแอบอ้างนำตราประจำพระองค์ไปใช้โดยมิชอบอีกด้วย กระทั่งในปี 1842 แหวนไม่ได้ถูกใช้เพื่อเป็นตราประทับอีกต่อไป เนื่องจากมีการจัดทำตราประทับของสมเด็จพระสันตะปาปาขึ้นมาต่างหาก แต่ยังคงเป็นแหวนประจำพระองค์แห่งพระสันตะปาปา

พิธีเน้นความเรียบง่าย

พระคาร์ดินัลจากทั่วโลกจะจัดการประชุมที่เรียกว่า “การประชุมใหญ่” หรือการชุมนุมของผู้แทนนิกายเยซูอิตจากทั่วทุกมุมโลก พวกเขาจะตัดสินใจเกี่ยวกับวันที่ฝังพระศพ ซึ่งจะต้องจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 ถึง 6 หลังจากการสิ้นพระชนม์ และเกี่ยวกับการจัดงาน “novemdiales” (ภาษาละตินแปลว่า “เก้าวัน”) ซึ่งเป็นเวลา 9 วันแห่งการไว้ทุกข์

พระสันตะปาปาฟรานซิสที่สิ้นพระชนม์ จะได้รับการฝังพระบรมศพในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน แต่พระองค์ขอให้ฝังพระบรมศพในมหาวิหารซานตามาเรียมัจจอเร ในกรุงโรม

พระศพของพระองค์จะถูกบรรจุไว้ในโลงศพเดียวที่ทำจากไม้และสังกะสี ซึ่งถือเป็นการแหกกฎเดิม โดยพระสันตะปาปาองค์ก่อนๆ จะถูกบรรจุในโลงศพ 3 โลงที่ทำจากไม้สน ตะกั่ว และต้นเอล์ม โดยวางซ้อนกัน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงพิธีศพสะท้อนถึงบทบาทของพระสันตปาปาฟรานซิสในฐานะ “ศิษยาภิบาลและสาวกของพระคริสต์ ไม่ใช่ของบุคคลที่มีอำนาจในโลกนี้” ได้ดีกว่า

โลงพระศพของพระสันตปาปาฟรานซิสจะถูกจัดวางไว้เพื่อให้ผู้ศรัทธาได้สักการะในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เป็นการยุติการวางโลงพระศพของพระสันตปาปาบนแท่นยกสูง ซึ่งมีเบาะรองนั่งตามประเพณี

การประชุมเลือกพระสันตะปาปา

การประชุมใหญ่ยังเป็นวิธีที่ดีในการคัดกรอง “ปาปาบิลิ” หรือทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งของพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยการประชุมใหญ่สามัญจะกำหนดวันประชุมลับเพื่อเลือกพระสันตะปาปา ซึ่งจะเริ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 15 วัน และไม่เกิน 20 วัน หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปา

ภายใต้ระบบที่ถือกำเนิดในศตวรรษที่ 13 การประชุมลับของพระคาร์ดินัล จะให้พระคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปี ประชุมกันเป็นการส่วนตัวเพื่อเลือกพระสันตะปาปาองค์ต่อไปจากบรรดาพระคาร์ดินัลด้วยกัน

ปัจจุบันมี “ผู้เลือกตั้งพระสันตะปาปา” ที่เรียกว่า “คาร์ดินัล” 135 คน โดย 108 คนได้รับการแต่งตั้งโดยพระสันตะปาปาฟรานซิส ในจำนวนนี้ 53 คน มาจากยุโรป 20 คน มาจากอเมริกาเหนือ 18 คน มาจากแอฟริกา 23 คนมาจากเอเชีย 4 คนมาจากโอเชียเนีย และ 17 คนมาจากอเมริกาใต้

การประชุมลับของพระคาร์ดินัลเพื่อเลือกพระสันตปาปา หรือที่เรียกว่า Conclave มาจากคำภาษาละติน 2 คำ ได้แก่ Cum (ด้วย) และ Clave (กุญแจ) หรือแปลว่า “ด้วยกุญแจ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าพระคาร์ดินัลต้องอยู่ภายในห้องจนกว่าจะเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้

ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา Conclave ทั้งหมดจัดขึ้นที่โบสถ์น้อยซิสทีน ซึ่งเป็นอัญมณีแห่งยุคเรอเนซองส์ที่ประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีชื่อเสียงของไมเคิลแองเจโล

พระคาร์ดินัลผู้เลือกตั้งไม่อาจติดต่อหรือสนทนากับใครก็ตามนอกที่ประชุม ไม่ว่าจะทางไปรษณีย์ วิทยุ โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย หรือวิธีอื่นใด และการแอบฟังถือเป็นความผิดซึ่งจะต้องถูกลงโทษด้วยการขับออกจากคริสตจักรโดยอัตโนมัติ (latae sententiae) มีเพียงพระคาร์ดินัลผู้เลือกตั้งสามคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้สื่อสารกับโลกภายนอกกรณีที่เกิดสถานการณ์ที่ร้ายแรง

จะมีการลงคะแนนเสียง 2 ครั้งในตอนเช้า และ 2 ครั้งในตอนบ่ายของทุกวัน จนกว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อคนใดคนหนึ่งจะได้รับคะแนนเสียง 2 ใน 3

เมื่อสิ้นสุดสมัยประชุมแต่ละครั้ง บัตรลงคะแนนเสียงจะถูกเผาในเตาข้างโบสถ์ ทำให้มีควันลอยขึ้นมาเหนือพระราชวังอัครสาวก

ควันจะเปลี่ยนเป็นสีดำหลังจากลงคะแนนเสียงไม่ผ่านในแต่ละครั้ง และจะเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อลงคะแนนเสียงผ่าน
ระฆังของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์จะดังขึ้นพร้อมกับควันสีขาว

Habemus papam!

เมื่อได้รับเลือกแล้ว พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะถูกนำเข้าไปในห้องเก็บเครื่องหอมขนาดเล็กที่โบสถ์น้อยซิสติน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “sala delle lacrime” หรือห้องแห่งน้ำตา ซึ่งพระองค์สามารถไตร่ตรองถึงอนาคตของพระองค์ได้

คณบดีคณะพระคาร์ดินัล ซึ่งปัจจุบันคือพระคาร์ดินัลโจวานนี บัตติสตา เร จะถามพระสันตะปาปาองค์ใหม่ว่าพระองค์ยอมรับการได้รับเลือกหรือไม่ และพระองค์ต้องการใช้ชื่อใด จากนั้นพระองค์ก็จะกลายเป็นบิชอปแห่งโรมและพระสันตะปาปาทันที

พระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้รับการช่วยเหลือให้สวมอาภรณ์ของพระองค์ (เตรียมชุดไว้สามชุด โดยแต่ละชุดมีขนาดแตกต่างกัน) และพระคาร์ดินัลก็ถวายความเคารพพระองค์ทีละคน

ไม่นานหลังจากนั้น พระองค์ก็ปรากฏตัวบนระเบียงของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์จากนั้น พระองค์ก็ทรงให้พร Urbi et Orbi อันเป็นพรสำคัญที่ประทานให้ในวาระสำคัญๆ ทั้งนี้ Urbi et Orbi มีความนัยหมายถึงกรุงโรมและโลก อันเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ในฐานะบิชอปแห่งโรมและประชุมแห่งศาสนจักร

คาร์ดินัลมัคนายกอาวุโส ซึ่งปัจจุบันคือเรนาโต ราฟฟาเอเล มาร์ติโน จะกล่าวประโยคที่มีชื่อเสียงเป็นภาษาละตินว่า “Habemus Papam!” (เรามีพระสันตะปาปาแล้ว!).

ที่มา FRANCE 24

#ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ ” อุปการะแมวจรตัวแรกในชีวิต เพราะความสงสาร แฟนคลับแห่ตั้งชื่อให้น้อง
เป็นกระแส ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์กับ โตโน่ สนั่นเมืองทีเดียว ล่าสุด มายด์ เคลื่อนไหว สุดปังอีกแล้ว

by TVPOOL ONLINE