สาวสองพันปี ต่าย เพ็ญพักตร์ แชร์มุมมองชีวิตและประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในวัย 64 ในรายการ WOODY FM โดยเน้นย้ำถึงความสุขที่ได้จากการเป็นโสด ลั่น! ถ้ามีแฟนแล้วไม่ช่วยอะไรก็อยู่คนเดียวได้ และการทำงานในวงการบันเทิงที่เลือกรับงานที่ทำแล้วมีความสุข ปล่อยวางพลังงานลบจากการทำงาน
หลายคนคุ้นเคยกับพี่ต่าย เพ็ญพักตร์ จากละคร การแสดง แล้วก็นางแบบ ในวันนี้ช่วงซีวิตต่างๆ ตอนนี้ยังเป็น ศิริกุล อยู่ใช่ไหมครับ ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : ยังใช้ ศิริกุล นามสกุลเดิมอยู่ค่ะไม่เปลี่ยน
ตอนนี้โสด เป็นยังไงบ้างชีวิตการที่ได้อย่คนเดียว ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : ดีมาก มีความสุข ถามว่าการมีความรักดีไหมดี มันก็จะทำให้เรามีพลังงานบางอย่าง มีความสุข แต่สำหรับพี่ผ่านช่วงนั้นมาหมดแล้ว เรารู้แล้วด้วยตัวเองว่าคงไม่สามารถมีใครที่อยู่ข้างๆ แล้ว ตอนนี้พลังที่ได้อยู่ตัวคนเดียว พี่ว่ามีความสุข ใช้ชีวิตแบบจะบอกว่าพอเพียงก็ไม่ได้ ก็ยังบ้าบอประเป๋าโน้นนี่อยู่ ใช้ชีวิตแบบที่เรารู้ว่าต้องการอะไรมากกว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แรงมากคุณน้า! “ทนายธรรมราช” โดนชายปริศนา ทำร้ายจนร่วงกลางวงสัมภาษณ์
- แซ่บทิ้งทวนก่อนฤดูหนาว “วุ้นเส้น” โชวลุคสวมบิกินี่สีส้ม
รู้ตอนไหนว่าไม่ต้องการแล้ว ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : น่าจะรู้ตอนช่วงที่ประมาณอายุ 50 กว่า แล้วก็เป็นช่วงที่เรามีงานเยอะมาก ทำงานเยอะแต่เราไม่มีใครที่จะอยู่ข้างๆ ก็มีนะแต่ไม่สามารถพูดหรือปรึกษาอะไรได้ เรายังต้องนำอยู่ ถามว่าอย่างงี้สำหรับพี่ๆ ไม่ต้องการที่เราต้องนำเขา เขาต้องนำเราไหม แต่เขาไม่มีอะไรที่จะนำเราได้ ก็เลยคิดว่า เอาง่ายๆ รถพี่เสียถ้าเรามีแฟนอยู่ข้างๆ เราบอกว่า คุณรถฉันเสีย คุณเอารถไปทำหน่อย เขาบอกเอ้าเหรอ พี่บอกอืม! โอเคเอาไปทำเองก็ได้ แล้วพี่ก็ไปอู่เอง ไปซ่อมทั้งๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วเหตุการณ์อย่างงี้ มันมีซ้ำๆ ก็เลยมีความรู้สึกว่า อยู่เองดีกว่า ฉันก็ทำได้ มันบ่อยขึ้นทำให้เรามีความรู้สึกว่าอยู่คนเดียวได้
ความสัมพันธ์ล่าสุดก่อนที่จะหยุดคือกี่ปี ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : นาน ประมาณ 10 กว่าปีได้
ใน 10 กว่าปีที่มันสะสมเหรอหรือว่ายังไง ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : เขาเข้ามา เป็นมาอย่างที่เราชอบ โอเคก็เป็นแฟนอยู่กันไป แต่มันอยู่แบบอย่างงี้ อยู่แบบไม่มีอะไรที่จะเอื้อหรือช่วยอะไรเราได้ ก็เลยคิดว่าฉันอยู่คนเดียวก็ได้ เพราะฉันยังต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
ข้อดีของการอยู่คนเดียวที่ต้องจัดการทุกอย่างเองโดยที่ไม่ได้มี Supporter คืออะไร ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : การตัดสินใจไม่ว่าเราจะทำอะไร ตัดสินใจได้เลย โดยที่ไม่ต้องไปถามคนข้างๆ จะไปไหนเราไปได้เลย โดยที่ไม่ต้องตื่นเช้ามาแต่งตัวสวย หน้าตาสดใสเริงร่า วันนี้คุณจะกินอะไร ตกเย็นคุณจะกินอะไรมันจะเป็นอย่างงี้ตลอดเวลา แต่สำหรับพี่ทำอย่างงั้นไม่ได้แล้ว อีกอันหนึ่งที่ไม่ชอบคือตื่นมาก็เห็นนอนข้างอีกแล้ว ก่อนหลับก็เห็นอีกแล้วอันนี้พี่ไม่ชอบ พี่ไม่ชอบโมเมนต์นี้ มีบางวันพี่อยากเน่าอ่ะ นึกออกไหมคนเรามันต้องมีวันเน่า วันที่แบบเราตื่นมาด้วยชุดนอน นั่งดื่มกาแฟ ด้วยความที่ว่าเป็นเราเนาะ ตื่นเช้ามาต้องสวยเหมือนเขาเคยเห็นในหนังสือ ซึ่งบางวันฉันอยากเน่ารวบผมแบบเน่าอย่างนี้ ปากต้องมีสีสัน หน้าตาสดใส ผมก็ต้องรวบแบบเรียบร้อย ต้องตื่นมาสวยก่อนเขา ทุกวันนี้ก็เน่าได้เต็มที่ แล้วก็นั่งชิลๆ ตรงสวนตัวเอง ถือกรไกรอันหนึ่งเดินไปตัดต้นไม้ ที่พี่สามารถอยู่คนเดียวได้ เพราะเราอยากทำอะไรก็ได้ ฉันอยากนอนดึก ฉันก็นั่งดูซีรีส์ไป ก็เลยคิดว่าตัดเลยฉันอยู่คนเดียวได้
วินาทีที่ตัดขอถามว่ามัน landing ยังไง ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : พี่ตัดเขาก่อน โดยที่เขาไม่รู้ตัว คือแบบนี้ก็อยู่ที่บ้านกันแหล่ะ ก็จะถามเขาว่าคุณเมื่อไหร่จะกลับบ้านของคุณ แล้วเขาก็กลับไป พอเขากลับไปปุ๊บ เราก็เริ่มเก็บของเขาเลย คือใจมันคิดมาแล้วหลายวัน
ไม่ใช่สามีภรรยาคือคบกันเป็นแฟนถูกไหม ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : นี่คือแฟน แต่ทุกคนจะรู้ว่าเราถ้าแฟนก็คือเหมือนแบบสามีภรรยาแหล่ะ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้แต่งงานอะไรกัน เขาก็มีคอนโด แต่ก็มาอยู่กับพี่ ก็บอกให้เค้ากลับบ้าน คุณกลับคอนโดหรือยังอ่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานโน้นนี่ พี่ก็จะบอกเขาไป พอกลับไปปุ๊บพี่ก็เก็บข้าวของเลย เก็บเสื้อผ้าเก็บข้าวของให้หมดแล้ว เสร็จพี่ก็โทรบอกเพื่อนเขา โทรเรียกเพื่อนสนิทเขาให้มาหน่อย บอกว่าเนี้ยช่วยเอากล่องไปให้เพื่อนเธอหน่อย พอเพื่อนเขาถามว่าอะไร ก็บอกไม่มีอะไรหรอก เอาไปเถอะเอาไปส่งเขาหน่อย เพื่อนก็งงๆ แล้วก็แบกของไปส่งให้เขา พอเขารับก็โทรมาปุ๊บ พี่ก็พูดเลยบอกว่าเราเลิกกันเถอะ เพราะว่าอยู่กันไปมันก็ไม่มีดีหรือเลวลง แล้วคุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันได้ ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรฉันได้อยู่แล้ว คุณก็ไปใช้ชีวิตแบบที่เคยพูดอยู่เรื่อยๆ ไปเลย ฉันก็จะมีชีวิตของฉัน ก็เลิกกัน เราก็บอกว่าไม่ต้องโทรมาเบอร์นี้อีกนะ เดี๋ยวจะเปลี่ยนเบอร์แล้ว พี่ก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เลย ง่ายๆแบบนี้คือนี่คือสไตล์พี่ เค้าก็จะงงๆ เพราะมันไม่มีเหตุอะไรมาก่อน
แล้วไม่รู้สึกอะไรเลย ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่สน เพราะเราตัดแล้ว ถ้ายังไปแคร์ความรู้สึกเขามันจะตัดไม่ได้ไง แคร์ไม่ได้ เราตัดแล้ว เขาก็ต้องมีชีวิตแบบเขา เราก็ต้องมีชีวิตแบบเรา แต่เจอได้นะก็เป็นแบบเพื่อนที่เคยรู้จักกัน
พลังงานที่เปลี่ยนไปในชีวิตตามวาระ ตอนนี้อยู่ในพลังงานไหน ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : มันด้วยวัยที่ผ่านมาของพี่ แต่ละช่วงอายุ อาจจะเป็นเพราะว่าตัวตนพี่จริงๆ เป็นคนไม่ได้ไม่ได้หวือหวาอะไรอยู่แล้ว เวลามีงานก็จะทำงานของเราไป เวลาใช้ชีวิตก็จะมีชีวิตแบบปกติ พี่สามารถกินข้าวข้างทางหรืออะไรได้หมดทุกสิ่งอย่าง แต่ถามว่ามีปาร์ตี้ไหมมี มันก็จะมีช่วงที่แบบปาร์ตี้ ๆ แล้ววันหนึ่งมันก็เหมือน ไม่แน่ใจจะใช้คำว่าตกตะกอนหรือเปล่า มานั่งมองตัวเองว่าเหนื่อยไหมเธอ เพื่อนมาเต็มบ้านเลยสนุกมาก แต่เพื่อนกลับไปปุ๊บ ตื่นเช้ามานั่งมองเก็บอะไรก่อนดีนะ มันจะมีอะไรอย่างงี้เข้ามาตลอดเวลา ถามว่าเราสนุกไหม เราแฮปปี้นะ สนุกมากตอนเพื่อนมา เก็บของไปแล้วมันก็เริ่มถอยแล้ว เริ่มบอกตัวเองว่าเอาตรงที่ตัวเองมีความสุข อายุ 30 จากที่เคยปาร์ตี้มันก็ลดลงๆ จนทุกวันนี้ก็จะน้อยมาก แล้วเราก็จะไม่มีปาร์ตี้อะไรที่บ้านแล้ว เจอกันข้างนอกเลย เพราะเป็นบ้านที่อยู่อาศัยเรา เราใช้ชีวิตที่เรานอน มันเป็นเซฟโซนของเราพอแล้ว
ชีวิตตอนนี้มีโซเชียลอะไรบ้าง ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : มี Instagram มี Tiktok เป็นเรื่องการแต่งตัวด้วยวัยนี้ เราควรจะแต่งตัวแบบไหนออกจากบ้าน บางคนอาจจะแบบพูดถึงเรื่องว่าอายุเยอะแล้ว เราต้องแต่งตัวสมวัย แต่สำหรับพี่เรื่องวัยไม่เกี่ยว เรื่องอายุไม่เกี่ยว มันเป็นเพียงตัวเลข มันอยู่ที่ตัวเรามากกว่า ว่าเราอยากจะแต่งตัวแบบไหนที่ให้มีความสุข เพราะผู้หญิงบางคนจะไปจำกัดเรื่องอายุตัวเอง แล้วก็จะแต่งตัวตามวัย แล้วมันก็จะยิ่งทำให้เราแก่ตามอายุไปด้วย พี่อายุ 64 แต่พี่ก็ยังแต่งตัวแบบนี้ เพราะว่าพี่ชอบแบบนี้ แต่ถามว่า in fashion ไหมนิดหนึ่งเอามาติดๆ ไว้ แต่เราก็ต้องดูว่าบอดี้เราได้ไหมแค่ไหนนั่นคือความสุข
ผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เข้าวงการเขาเรียกพี่ว่าสาว 2,000 ปี ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : ฉายานี่ได้มาน่าจะตอนอยู่วงการสัก 5 – 6 ปี ไม่แน่ใจ อาจจะเพราะแหวกแนวกว่านางเอกคนอื่นในยุคนั้นที่ใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายแฟชั่นได้ แต่ในนางเอกในยุคนั้นเขาจะไม่ไง ต้องคงภาพลักษณ์ว่าเป็นนางเอก ด้วยความที่เราอยู่กับรุ่นพี่ที่เป็นกะเทย อยู่วงการแฟชั่นก็ได้รับอิทธิพลจากพี่ๆ พวกนี้มา มันไม่มีคำว่าเกษียณหรอกพี่ว่า ถ้าคุณยังอยู่ในวงการบันเทิง มันใช้คำว่าเกษียณไม่ได้ เพียงแต่ว่าเราจะดูว่าอันนี้เหมาะกับเราไหม เล่นบทนี้แล้วทำเรามีความสุขไหม ยกตัวอย่างของพี่ ตอนนี้จะเป็นแบบนี้ งานชิ้นนี้ที่ติดต่อมา เราก็จะมีการคุยกัน เจอผู้กำกับก็จะดูทั้งหมด attitude เป็นยังไง ที่เราจะต้องทำงาน ต้องอยู่กับเค้าประมาณ 1- 2 เดือน attitude โอเค บทเป็นยังไง น่าเล่นไหม มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่เราเคยรับไหม ถ้ายังเป็นบทที่ 10 ปีที่แล้วทำงานมาบทเดิมก็จะต้องถอย เพราะด้วยอาชีพเรา ความเป็นนักแสดง ทุกคนอยากจะมีการแสดงอะไรที่เปลี่ยนได้ ไม่ใช่จำอยู่กับบทเดิมๆ ยิ่งอายุเยอะแล้ว เราควรจะหาบทอะไรที่แตกต่างจากที่ไม่เคยเล่น รับงานเฉพาะที่ทำแล้วเรามีความสุข ถ้าทำแล้วไปแล้วตัวเองเหนื่อย กลับมาแล้วเครียด มันไม่ใช่
สิ่งที่ ต่าย เพ็ญพักตร์ เจอในการทำงานที่รู้สึกว่าหมดพลังคือเรื่องอะไร ?
ต่าย เพ็ญพักตร์ : จากคน คิดดูนะอยู่ในกองถ่ายเราต้องเจอผู้คนเยอะมาก นักแสดง ทีมงานทั้งหมด บรรยากาศ ความร้อน ออกจากบ้านปุ๊บ ต้องทำใจทำจิตตัวเองจากบ้านเลย ว่าฉันไปทำงาน ต้องเจอผู้คนเยอะมาก เราจะไม่โกรธ จะไม่มีอารมณ์เสียสงบหลับตาซะข้างหนึ่งจะบอกตัวเองอย่างงี้ทุกครั้ง เดี๋ยวนี้เวลาออกไปทำงาน ยังไงมันก็ต้องเจอ เพราะว่าเราอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะแยะมาก มันไม่ได้ดั่งใจอะไรทุกอย่างอยู่แล้ว วันนั้นมันก็จะผ่านแบบนั้นไป จบไป ขึ้นรถ ก็ถอดหัวโขนออก มันต้องสร้างจากบ้านเราไป ถ้าไปแล้ว Energy ไม่ได้ มันก็ดูดไปหมดเลย แล้วเราจะโดนพลังงานเขาติดกลับบ้านด้วย แต่พี่ไม่ปล่อยเลย วางทุกอย่างทิ้งไว้ ถือว่างานวันนี้ที่รับผิดชอบมาทำสำเร็จแล้ว จบแล้วทิ้งไป กลับบ้านเราก็เป็น เพ็ญพักตร์ ปกติ
สามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.
คลิกชมย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=VyvTv42v9As&ab_channel=WOODY
by TVPOOL ONLINE