“ทับทิม อัญรินทร์” ควง “ไทด์ เอกพันธ์” มาเคลียร์ข้อสงสัยกับเส้นทางความรัก 3 ปี ทำไมไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน พร้อมขอเคลียร์ดราม่าหลังชาวเน็ตมองว่าไม่เหมาะสม เพราะอายุห่างถึง 28 ปี เผยแพลนแต่งงานในอนาคต ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หลายคนอยากรู้ว่าคบนานขนาดไหนแล้ว?
ทับทิม : เกือบ 3 ปีแล้วค่ะ
ไทด์ : ถ้าไม่ได้คบกันแบบเป็นแฟนกัน เจอกันประมาณ 15 ปี เริ่มตั้งแต่น้องยังเรียนหนังสืออยู่แล้วมาทำงานด้วยกัน
ตื่นเต้นมั้ยตอนประกาศคบกันแล้ว?
ไทด์ : ตอนแรกที่คบกัน ไปไหนมาไหนก็ทำตัวปกติ เหมือนคู่รักธรรมดา ไม่มีการหลบซ่อนใดๆ ทั้งสิ้น พอเปิดตัวก็รู้สึกว่าทำไมคนสนใจเยอะมาก จริงๆ แล้วมีเหตุการณ์ คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไปอัดรายการด้วยกัน กำลังสัมภาษณ์อยู่ คุณบิณฑ์โป้งขึ้นมาว่าให้สัมภาษณ์เอกพันธ์เลย เขากำลังมีความรัก ก็เลยเริ่มเป็นประเด็น
ตอนที่บิณฑ์บอกว่าสัมภาษณ์เลย คบกันนานเท่าไหร่แล้ว?
ทับทิม : 2 ปีกว่าแล้ว ก็ไปเที่ยวกันตามปกติเหมือนคู่รักอื่นๆ ทั่วไป
คบกันตอนไหน?
ไทด์ : ร่วมงานกันมาก็ไม่มีอะไร น้องสาวคนนึง ทำงาน ถ่ายละคร เล่นเป็นพ่อเขานะ
ทับทิม : ชอบย้ำตลอดเลย
ไทด์ : เราไม่ได้คิดอะไร จนโควิดเกิดขึ้นมา พี่กลัวเข็มมาก ทุกคนพยายามให้พี่ฉีดวัคซีนเพื่อจะได้ไม่ต้องติดโควิด พี่กลัวมาก โอ้โห จิตตก คุณแม่ก็ป่วยอยู่รพ. ถ้าไม่ฉีดก็ไม่สามารถไปเยี่ยมคุณแม่ได้ พี่ไปหาแม่ตลอดเวลา ต้องไปนวดต้องไปอะไรทุกวัน เอ้ เอายังไงดี ช่วงจังหวะนั้นพอดีเขาโทรเข้ามา น้องขายมัสมั่นไก่ พี่ไทด์ สนใจมัสมั่นไก่หนูมั้ย (หัวเราะ)
ทับทิม : ช่วงนั้นไม่ได้ออกกอง ก็ทำมัสมั่นไก่ขายแล้วกัน
หาลูกค้า?
ไทด์ : (หัวเราะ)ก็ถามว่าน้องทับทิมส่งที่ไหน เขาบอกส่งได้ทุกที่ ก็บอกว่าตอนนี้พี่อยู่รพ.มาส่งได้มั้ย ถ้าส่งได้ พี่ซื้อ 10 หรือ 20 กล่องนี่แหละ
ทับทิม : โอ้โห เยอะมาก ประมาณ 50 กล่อง ก็ต้องขับรถไปส่ง ลูกค้ารายได้
ไทด์ : ช่วงนั้นกังวลอยู่ในใจต้องฉีดวัคซีน ก็ปรึกษาเขา ว่าเอาไงดี พี่แย่แน่ ต้องฉีดยา เขาบอกไม่เป็นไร หนูอยู่ให้กำลังใจ
ทับทิม : วันนั้นคิวของมูลนิธิร่วมกตัญญู เขาให้สิทธิอาสาสมัครทุกคน ฉีดพร้อมๆ กัน เขาฉีดกันหมดแล้ว ตั้งแต่ประธานมูลนิธิ ขาดเขาคนเดียว ก็ถามว่าทำไมล่ะ ทุกคนก็บอกว่าให้ช่วยพูดกับพี่เขาหน่อย หนูก็เลยงั้นหนูอยู่ด้วย อยากให้ฉีด หนูก็อยู่ในมูลนิธินี้ด้วย
ไทด์ : วันนั้นที่ฉีดรู้สึกข้างในแปร๊บเข้ามา ตอนเข็มแรกเราดิ้นเหมือนเด็กเลย เขาเอามือมาจับมือเราไว้แน่นเลยนะ พูดทุกอย่างโน้มน้าวให้เราฉีด เราก็รู้สึกว่ามีมือน้องคนนึง มันอุ่นใจ พี่จะทำอะไรเขาก็พยายามปลอบประโลมทุกอย่างให้เราฉีด เข็มแรกผ่านไป ฉีดได้โดยไม่มีความรู้สึกว่าเข็มผ่าน พอเราร้องเริ่มปวด แหกปากลั่นรพ. หมอบอกว่าเสร็จไปตั้งนานแล้ว (หัวเราะ) เราก็งงว่าเสร็จแล้วเหรอ
ทับทิม : หนูก็บอกว่าเห็นมั้ยไม่เห็นเจ็บเลย
ไทด์ : เข็มแรกผ่านไป ก็เริ่มรู้สึกประทับใจ เข็มสองผ่านมา เอาไงหว่า เขาไม่ได้มาส่งมัสมั่นแล้ว พอดีวันนั้นคุณพ่อมาฉีดวัคซีน
ทับทิม : พ่อได้คิวฉีดที่รพ.เดียวกันพอดี จะบอกว่าไม่ได้วันเดียวกันหรอก แต่ได้ช่วงเวลาฉีดช่วงเดียวกันพอดี พี่ไทด์ก็เลยเป็นคนนัดให้ จะได้มาพร้อมๆ กัน
ไทด์ : จะได้เจอเขาแหละ พอเข็มที่สองมันกลัวมากกว่าเข็มแรก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
อยากอ้อน?
ไทด์ : ประมาณนั้น (หัวเราะ) เข็มที่สองกลัวนอนหนุนตักเลยนะ เขาก็ปลอบเราเหมือนลูกเลย ลูบหลัง
ทับทิม : เขาขึ้นชื่อเรื่องกลัวเข็ม ทุกคนรู้หมด ยังไงเขาก็ไม่ยอมเด็ดขาด เราจะทำยังไงก็ได้ให้เขายอมฉีด ก็คิดแค่นั้น
ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรเหรอ?
ทับทิม : คิดว่าเขาคงกลัวมาก ไม่เป็นไร ก็ปลอบ ไม่มีใครอยู่แล้วไงคะ วันนั้นอาสาสมัครมูลนิธิไม่มีใครอยู่เลย จะมีแค่คุณพ่อ พี่ไทด์ มีครอบครัวแค่นั้น ไม่ได้มีใครเยอะแยะ
ไทด์ : มันกลัวจริงๆ เราไม่ได้เสแสร้งแกล้งหนุนตักเขา ก็อยากให้เขาปลอบนั่นแหละ อุ่นใจ เข็มที่สองก็ผ่านไปได้
พ่อคิดอะไรอยู่ตอนนั้น?
ทับทิม : เขาก็หัวเราะ ยิ้มๆ ขำๆ พี่ไทด์เขากลัวจริงๆ เขาทำใจนานมาก เราเข้าใจความกลัว เพราะคุณแม่ทับทิมก็กลัวเข็ม กว่าจะให้คุณแม่ฉีดได้ก็เป็นเหมือนกัน เขาชอบเอามืดปัด เรารู้ว่าอารมณ์ไหน
หลังเข็มสอง คิดเลยมั้ยว่าต้องจีบ คนนี้แหละ?
ไทด์ : ก็รู้สึกตลอด ลองโทรหาเขาดีกว่า โทรคุยบ่อยๆ ดูสิว่าฟีดแบ็กจะกลับมายังไง ทีนี้เริ่มคุยกันเยอะขึ้น เขาก็เริ่มจะสงสัยแล้ว แต่เราไม่กล้าบอก หนึ่งด้วยความแตกต่างของอายุ เราที่เล่นละครก็เป็นพ่อเขา มันกังวลตลอด ไม่พูดให้ใครฟังเลยว่าชอบเขา กลัวเขาจะโห ไอ้แก่ ไอ้เฒ่า เก็บไว้ในใจตลอด
ทับทิมเอ๊ะมั้ย?
ทับทิม : ช่วงแรกยัง แต่หลังๆ คุยถี่ขึ้น แล้วหาโอกาสนัดเจอกันบ่อยขึ้น ไปเจอไปทานข้าวด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน ที่ชัดเลยครั้งนึงโทรมาคุยเป็นชม.เลย จากที่ไม่เคยคุยนานขนาดนี้ แค่ไลน์หากันนิดหน่อย คุยนิดหน่อย แต่นี่คุยยาวต่อเนื่องเป็นชม.เลย เราก็เอ๊ะ ผิดปกติแล้วนะ ไม่เคยคุยยาวขนาดนี้ แล้วเล่าเรื่องราวแชร์กัน
เริ่มหวั่นไหวหรือยัง?
ทับทิม : ไม่ เรารู้สึกผิดปกติ แต่พี่เขาไม่พูดสักที เอ๊ะ หรือเราคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกไปเองหรือเปล่า มันอาจไม่มีอะไรก็ได้ ตอนนั้นเราคิดว่ามันผิดปกติ
เรารู้สึกดีกับเขามั้ย?
ทับทิม : ก็รู้สึกดีตลอดตั้งแต่รู้จักมา เพราะเป็นพี่ชายที่น่ารักเสมอ ช่วงหลังที่เราสนิทกันมากขึ้น มันก็ไม่ได้รู้สึกว่าใจแอนตี้หรืออะไร
พี่ไทด์รุกยังไงทำให้เขารู้ว่าจีบแล้วนะ?
ไทด์ : พี่ไม่กล้าบอก อยากบอกใจจะขาดแต่ไม่กล้า หนึ่งกลัวแม่ กลัวเขาจะต่อว่าเรา เราจะเสียความรู้สึก เราทำยังไงดี ก็ใช้ลูกเป็นสื่อ บอกลูกก่อนว่าถ้าพ่อจะชอบพี่ทับทิม ลูกก็ห๊ะ โน่นนี่นั่น เขาก็คึกคัก แต่เขาบอกว่าพ่อถามเขาหรือยัง พ่อบอกเขาหรือยังว่าพ่อชอบเขา (หัวเราะ) เหมือนต่อว่าเราว่าเขารู้หรือยัง ก็บอกว่าลูกไปบอกได้มั้ยล่ะ เขาก็ห๊ะ จะให้พวกหนูไปบอกพี่เขาว่าพ่อชอบ เราก็บอกว่าใช่ ช่วยพ่อได้เปล่าล่ะ เขาบอกโอเค เดี๋ยวจะลองถามพี่ทับทิมให้
ลูกจะยากที่สุดในการยอมรับใครสักคนเข้ามาเป็นแฟนพ่อ?
ไทด์ : ตอนทำงานด้วยกัน จะพาลูกมาทานข้าวบ้านน้อง ก็สนิทกัน ร้องเพลงกัน เขาไม่ได้แอนตี้อะไร เขาก็ชอบ น้องทับทิมเขาเอนเตอร์เทนเก่งกับเด็กๆ อยู่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็โทรมาบอก อธิบายสิโทรมาว่ายังไง (หัวเราะ)
ทับทิม : เขาคือนัดทานข้าว แล้วพาน้องมาด้วย บอกไปทานข้าวด้วยกันนะ พาน้องๆ มาด้วย เราก็นัดไปกับคุณพ่อคุณแม่ เสร็จจากร้านแรก ยังไม่กลัว ก็ชวนไปต่อร้านสอง เราก็โอเค ไปต่อร้านสอง ไปคาเฟ่ต่อ ร้านนี้น่าสนใจ ไปเที่ยวกัน เสร็จปุ๊บน้องก็แยกไปคุย เขาก็บอกว่าหนูมีอะไรจะบอกพี่นะ พ่อหนูชอบพี่มากเลยนะ พี่ว่ายังไงบ้าง หนูก็อ้าว เขาไม่เคยบอกหนูมาก่อน น้องบอกว่าเป็นเรื่องจริง พ่อบอกหนู หนูอยากให้พ่อมีความสุข เดี๋ยวหนูกำลังจะเข้ามหา’ลัยแล้ว กิจกรรมเขาจะเยอะกว่าช่วงมัธยม อาจไม่ได้ออกไปเที่ยวกับพ่อบ่อยๆ หรือใช้วลากับพ่อเหมือนเดิม เขาอยากให้มีคนดูแลพ่อ หนูก็บอกว่าโอเค งั้นเดี๋ยวพี่ไปคุยกัน เพราะเขายังไม่เคยบอก ก็บอกไปแบบนี้
ลูกไปบอกแล้ว กลับมายังไง?
ไทด์ : ประชุมกันเลย ลูกสามคน พ่อหนึ่งคนเป็นสี่คน ก็ถามว่าลูกบอกแล้วพี่เขาเป็นยังไง ลูกบอกว่าเขาก็โอเคนะพ่อ รู้สึกจะชอบพ่อนะ (หัวเราะ) เขาไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่เขาบอกว่าให้พ่อไปบอกเขาเอง พ่อต้องกล้าบอก
นานมั้ยกว่าจะบอก?
ไทด์ : มาบอกเขาตอนวันเกิด
ทับทิม : จริงๆ โทรมาก่อน แต่เราอยากเจอกัน คุยกันตรงๆ มากกว่า มากกว่าคุยกันทางโทรศัพท์
ไทด์ : ก็ตัดสินใจบอกเขาว่าเราชอบเขานะ จะเป็นไรมั้ย เรื่องอายุต่างๆ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะในวันเกิด
ทับทิม : เรารู้มาก่อนหน้านั้นแล้วแต่เรายังไม่ให้คำตอบอะไรเลย เพราะมันมีดีเทลรายละเอียดที่ต้องคุยกันอีก ขอให้มาเจอตัว แล้วมาคุยกัน ก็เป็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นค่ะ
ไทด์ : วันนั้นเราก็จับมือเขา บอกว่าพี่ชอบนะ ขอเป็นแฟน เขาก็ยิ้ม เราก็จุ๊บทีนึง
ทับทิมรู้สึกยังไง?
ทับทิม : เขาก็ดูชัดเจนดี จริงๆ รู้สึกดีตั้งแต่แรกที่น้องๆ มาพูดกับเราก่อน แสดงว่าพี่เขาค่อนข้างชัดเจนกับเรา บอกลูกบอกครอบครัวให้รับทราบก่อน แล้วมาบอกเราตัวต่อตัว จริงๆ ทับทิมแอบกังวล เป็นครั้งแรกที่คุยกันแบบนี้ เราจะพัฒนาต่อไปยังไง จะมีโอกาสไปต่อได้มั้ย ด้วยช่วงอายุที่ต่างกัน แต่พอคุยกันเรารู้สึกลงตัว งั้นเราก็โอเคแหละ ก็คบกัน ศึกษากันต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่บอกคืออยากให้พี่เขาบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วย ไม่ใช่ว่าหนูตัดสินใจปุ๊บแล้วพ่อแม่จะไม่รับทราบ
ขอวันแรก จุ๊บเหม่งเลย?
ไทด์ : ใช่ แล้วสิ่งที่ตื่นเต้นคือต้องเรียกคุณพ่อคุณแม่ลงมาข้างล่าง นั่งกันต่อหน้า ให้ทับทิมขึ้นข้างบน อยากบอกคุณแม่คุณพ่อเป็นเรื่องเป็นราว ว่าต่อไปจะขอคบน้องนะ จะขอดูแล คุณแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาเห็นเรามาตั้งนานแล้ว คุณพ่อบอกว่าแม่ว่าไงพ่อก็ว่างั้น (หัวเราะ)
อายุเท่ากับคุณแม่ เรียกคุณแม่ว่าอะไร?
ไทด์ : เมื่อก่อนเรียกคุณแม่มาตลอด เรียกตามน้อง แต่ตอนนี้คุณแม่บอกว่าอย่าเรียกคุณแม่นะ ในมูลนิธิถ้าเกิดใครเรียกคุณแม่ ปรับคนละ 20 บาท ให้เรียกพี่เปิ้ล (หัวเราะ)
ทำไมไม่ให้เรียกคุณแม่?
แม่เปิ้ล : จริงๆ ไม่ได้มีอะไรค่ะ แค่สนุกๆ แค่นั้นเอง จริงๆ ไม่อยากแก่ (หัวเราะ)
วันที่พี่ไทด์ขอเป็นแฟนกับทับทิม วันนั้นแม่รู้สึกยังไง?
แม่เปิ้ล : เฉยๆ ค่ะ อยู่ในสายตาตลอด พอมองออกเหมือนกัน ก็บอกว่าดูๆ กันไปก่อน สำหรับแม่คิดว่าไม่ได้ติดขัดอะไร น้องก็ด้วัยวุฒิของน้อง ก็แล้วแต่น้องค่ะ
ไทด์ : ดูๆ ไปก่อนหรือลุยๆ ไปก่อนครับ (หัวเราะ)
แม่เปิ้ล : ทั้งดูทั้งลุยค่ะ
ทำไมแม่ถึงอนุญาตให้คบ?
แม่เปิ้ล : แม่ถามความสมัครใจของน้อง แม่ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าน้องไม่มีปัญหาแม่ก็ไม่ว่าอะไร ตามนั้นเลยค่ะ แล้วแต่น้องค่ะ อีกอย่างมองทางพี่ไทด์ ทั้งที่เราเคยรู้จักกันมานานแล้ว เคยเห็นนิสัย เขาเป็นคนดีคนหนึ่งก็ไม่อยากให้เสียความรู้สึกที่ดีต่อกัน ก็เลยแล้วแต่น้องค่ะ
มีสรรพนามเรียกกันว่าอะไร?
ไทด์ : ตอนแรกเรียกหนู
ทับทิม : หนูก็แทนตัวเองว่าหนู เรียกเขาว่าพี่ไทด์ สักพักพี่เขาบอกว่าเปลี่ยนได้มั้ย ไม่อยากให้แทนตัวเองว่าหนูแล้ว มันไม่ใช่ อยากให้เรียกน้อง
ไทด์ : หนูมันออกเหมือนพ่อกับลูก มีหลายคนมากเดินผ่านเขา บอกว่าอุ้ยลูกสาวสวยจัง (หัวเราะ)
อายุห่างกัน 28 ปี มีปัญหาช่องว่างระหว่างวัยมั้ย?
ไทด์ : ไม่มีนะ พอได้คบกัน ได้ศึกษาดูใจกัน ยิ่งสนิทกันมากขึ้น เรื่องวัยไม่น่ามีปัญหา ไม่มี
ทับทิมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พี่ไทด์เด็กลง ผู้ปกครองคือทับทิม?
ไทด์ : (หัวเราะ)
ทับทิม : เป็นบางเรื่องมากกว่าค่ะ แต่ความเป็นผู้นำ ความเป็นผู้ใหญ่ ก็พี่ไทด์นี่แหละ เขาปกป้องเราได้ เขาดูแลเราได้ ดูแลครอบครัวเราได้ นี่คือสิ่งหนึ่งที่เราประทับใจ แต่ถ้าเกิดว่าพูดถึงการใช้ชีวิตทั่วๆ ไป ก็ต้องหาจุดที่มันบาลานซ์กัน แล้วด้วยความที่เรารู้จักกันมานานมาก ทำให้เราไม่ต้องปรับตัวกันเยอะสักเท่าไหร่ เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว
สามปีทะเลาะกันมั้ย?
ไทด์ : มี เรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางทีเขาอยากให้เราทำอะไรสักอย่าง แต่เราไม่ได้ใส่ใจ น้องเป็นคนมุ่งมั่น จริงจังมาก ถ้าบอกเรา เราต้องทำ แต่เราเหมือนกับโอ้ย อะไรนักหนา (หัวเราะ) เขาก็บอกจะทำมั้ยๆ
ทับทิม : ไม่ได้ขนาดนั้น เขาดื้อมากค่ะ (หัวเราะ)
ไทด์ : มันก็ต้องเป็นบางเรื่องที่เราทำตาม แต่บางเรื่องเราตัดสินใจแล้ว เราเจอประสบการณ์มาเยอะแยะมากมาย เราก็บอกเขาว่าบางเรื่องไม่ต้องอะไรกับพี่นักหนา มันทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย นี่แม่หรือแฟน (หัวเราะ)
ทับทิม : เขาชอบแซว จริงๆ เรามีปรับกันไปเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คอขาดบาดตายนะ อย่างอันไหนเราทำได้เราก็ทำ อย่างเสื้อผ้าเขาแทบสแกน เราก็บอกว่าพ่อแม่ยังไม่ดูเยอะขนาดนี้เลยนะ พี่ดูเยอะกว่าอีก (หัวเราะ)
แพลนแต่งงานกันเร็วๆ นี้มั้ย?
ไทด์ : ก็ปรึกษากันอยู่ ก็อยากจะบอกน้องเขาก่อนเรื่องการสร้างหลักปักฐานให้มั่นคง การทำงาน หาสิ่งที่ควรจะมีสำหรับเราสองคน ก็ต้องใช้เวลานิดนึง แล้วก็เรื่องลูกๆ อีกเหมือนกัน ก็คุยกัน แต่อนาคตต้องแต่งให้น้องเขาอยู่แล้ว
ปักหมุดหรือยัง ปีไหน?
ไทด์ : ตอนแรกที่คุยกันเอาไว้ อยากให้น้องๆ เขาจบมหาวิทยาลัยก่อน แล้วเราค่อยมาแพลนถึงเรื่องแต่งงาน สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว
ตอนนี้ฟิตร่างกาย วิ่งจากกรุงเทพฯ ไปอุบลฯ?
ไทด์ : เป็นโครงการบ้านสุขสุดท้าย วิ่งเพื่อบ้านสุขสุดท้าย บ้านหลังแรกรับคนที่ถูกทอดทิ้ง คนแก่ คนพิการต่างๆ ไม่มีลูกหลานดูแล เรารับมาเลี้ยงในโครงการ ตอนนี้ประมาณเกือบร้อยคนแล้ว แล้วก็เสียชีวิตไป เราก็จัดการทำศพให้เหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป มีเคสนึง เขาตาบอด อยู่ในพงหญ้าพงไม้ มีคนโยนข้าวโยนน้ำให้เขากิน ข้างในอึฉี่เต็มไปหมดเลย ตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านสุขสุดท้ายแล้ว
by TVPOOL ONLINE