จากคดีพบเงินสดจำนวน 12 ล้านบาทซุกอยู่ในลังพลาสติกถูกนำมาทิ้งไว้ที่บริเวณจุดทิ้งขยะหน้าลิฟต์ ชั้น 4 ตึก P 2 คอนโดเมืองทองธานี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 6 มิ.ย. 68 ที่ สภ.ปากเกร็ด หลังจากลังจากนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว เดินมาแสดงตีวว่าเป็นเจ้าของเงินจำดังกล่าว พร้อมพาไปชี้ห้องพักที่คอนโดเมืองทองธานีชั้น 5 จากนั้นได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด โดยใช้เวลาประมาณ เกือบ 3 ชม. จึงได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงที่มาที่ไปของเงิน ก่อนเดินทางกลับเพื่อไปรวบรวมหลักฐานยืนยันว่าเป็นเจ้าของเงินส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง
นายทวีวัฒน์ เปิดเผยว่า เงินจำนวนดังกล่าวที่ไปทิ้งตรงนั้นเนื่องจากตนนำขยะไปทิ้งเพราะจะต้องเข้าซ่อมห้องในวันอาทิตย์นี้ เนื่องจากในห้องเกิดน้ำท่วมจนซับมีสภาพเน่า แต่จากการที่ตนให้ปากคำไปเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ซึ่งตนก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบเอาเอง ว่าเงินเป็นของตนจริงโดยตนมีหลักฐานยืนยัน โดยเส้นทางการเงินนี้พบว่าเงินมาจากธนาคาร เงินจำนวนดังกล่าวเก็บมาตั้งแต่ปี 63 เนื่องจากตนเป็นทนาย และเป็นที่ปรึกษาอีกสี่ห้าบริษัท ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษา กสทช.จนรับตำแหน่งกลางปี 65 โดยเมื่อวานตอนประมาณเที่ยงตนได้ยกกล่องขยะไปทิ้งจำนวนหลายกล่อง มีทั้งถุงดำ ลังไวน์ ประมวลกฎหมาย สาเหตุที่ไปทิ้งตรงจุดนั้นเนื่องจากลิฟท์ตรงหน้าห้องตนอยู่ใกล้กับลิฟท์ที่ลงไปชั้นเลขคู่ ตนจึงลงบันไดไปลิฟท์ชั้นสี่
นายทวีวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ตนมาพบว่าห้องตนถูกน้ำท่วมจึงได้แจ้งนิติบุคคล ซึ่งตนเข้าไปในห้องพบว่าของภายในเน่าเสียหมด ซึ่งตนได้ตำหนินิติบุคคลไปว่าน้ำที่มันท่วมไหลออกไปนอกห้องทำไมไม่ตรวจสอบ ซึ่งห้องนี้ตนไม่ได้อาศัยอยู่แต่จะกลับมาดูทุกอาทิตย์ ห้องนี้ตนซื้อมาตั้งแต่ปี 2538 ตอนที่ตนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย สาเหตุที่นำเงินมาเก็บสะสมที่นี่เนื่องจากกลัวโจร สาเหตุที่ไม่ฝากธนาคารเนื่องจากต้องมีการใช้จ่าย ซึ่งช่วงนั้นตนตั้งใจว่าจะลงการเมืองด้วย และในธนาคารตนก็ยังมีเงินอีกประมาณ 10 กว่าล้าน พอตนเห็นภาพจากข่าวก็รู้สึกดีใจ แต่ก็แปลกใจว่าทำไมตนถึงลืมเงินได้ 12 ล้าน ดีใจงวดนี้ไม่ต้องซื้อลอตเตอรี่เพราะได้เงิน 12 ล้านแทน
แต่หลังจากนี้ตนก็ต้องเตรียมหลักฐานมายืนยัน แต่ตนก็ไม่กลัว เพราะเงินจำนวนดังกล่าวมาจากธนาคาร เงินนี้ตนเบิกมาจากธนาคารด้วยตัวเองหลังจากเป็นที่ปรึกษาสี่บริษัท แต่เงินจำนวน 12 ล้านไม่ได้มาทีเดียวมันทยอยมา ก็จำรายละเอียดไม่ได้ว่ามาวันไหนบ้าง คาดว่าน่าจะมาปี 63 ปีเดียว อันนี้เป็นรายได้ของตนจากงานทนายและที่ปรึกษา ผ่านมาห้าปีตนก็ไม่ได้ตรวจสอบดูเลย ลืมไปว่ามีเงิน ถ้าใส่เซฟก็กลัวว่าโจรจะรู้ว่ามีเงินและยกเซฟไป ที่คอนโดแห่งนี้น่ากลัวและเนื่องจากตนไม่ได้อยู่อาศัยที่ห้องด้วย ถ้าโจรมันรู้ว่ามีเงินอยู่ในเซฟก็จะมาเอาไป ซึ่งห้องที่ตนเก็บเงินตนทำประตูล็อคไว้สามชั้น ถ้าว่างตอนเย็นให้ไปดูที่ห้องที่เก็บเงิน แต่วันนี้ไม่ได้
นาทวีวัฒน์ กล่าวต่อว่า เอกสารที่เห็นว่าเป็นซอง จ่าหน้าถึงตอนนั้นเป็นเอกสารภาษีหัก ณ ที่จ่ายจาก กสทช. เพราะตนเป็นที่ปรึกษามาประมาณ 10 ปี เอกสารนั้นไม่ได้เกี่ยวโยงอะไร มันเป็นเอกสารเบี้ยประชุมครั้งละ 8 พันบาท อย่าเอาไปโยงมั่วเพราะตนเป็นทนายต้องระวัง จนเห็นจากข่าวทุกช่อง เรื่องที่โยง กสทช. ตนไม่ได้ออกมาปกป้องใคร ก็ต้องปล่อยให้ตำรวจเค้าทำหน้าที่ของเขาไป ตนเป็นที่ปรึกษา กสทช.และเป็นทนาย หากสื่อทำข่าวนำเสนอไปโยงมั่วอันนี้เป็นเรื่องอันตรายขอฝากไว้
พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งจากผู้พักอาศัยในคอนโด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบและพบเงินจำนวนดังกล่าวตามที่เป็นข่าว วันนี้นายทวีวัฒน์ได้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของเงิน โดยอ้างว่า “ลืม” เงินจำนวนนี้ไป ซึ่งให้การว่าภายในห้องพักที่ชั้น 5 มีน้ำท่วม จึงคิดว่ากล่องดังกล่าวเป็นกล่องเสื้อผ้าที่เปียกน้ำ เลยหอบลงมาทิ้งที่ชั้น 4 ซึ่งอยู่ใกล้ห้องพัก และยืนยันว่าเงินได้มาจากการประกอบอาชีพทนายความ
อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับการฯ ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเจ้าของเงินจริง และยังคงมีข้อสงสัยในประเด็นการนำเงินจำนวนมากมาเก็บไว้ในห้องพัก ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง และให้นายทวีวัฒน์นำหลักฐานการเป็นเจ้าของเงินมายืนยัน โดยเฉพาะการเบิกเงินจากธนาคารที่อ้างว่าเบิกมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการยืนยันข้อมูลจากธนาคาร
พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ย้ำว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าใครเป็นคนเบิกเงินก้อนนี้มาและยืนยันตัวบุคคลให้ชัดเจน โดยขณะนี้เงินจำนวนดังกล่าวถูกอายัดไว้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง สำหรับการตรวจสอบห้องพักและสอบปากคำนิติบุคคลคอนโด พบว่าภายในห้องมีน้ำท่วมจริงตามที่นายทวีวัฒน์กล่าวอ้าง
“ผู้ที่มาแสดงตัวมีสิทธิ์ที่จะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ตำรวจจะสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง” ผู้การนนท์กล่าว และเสริมว่านายทวีวัฒน์ไม่ได้แสดงความกังวลใดๆ โดยได้ประสานผ่านทางผู้กำกับสถานี และให้ข้อมูลว่าเงินจำนวนนี้เป็นของตนพร้อมมีหลักฐานมาแสดง ทั้งนี้ ตนเองต้องการตรวจสอบคดีนี้ให้เร็วที่สุด แต่ต้องรอการยืนยันข้อมูลจากธนาคาร ซึ่งเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ และจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินอีกครั้ง
by TVPOOL ONLINE