เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“โอ๊ต วรวุฒิ” ควงอดีตภรรยา “จีน่า อันนา” และลูกๆ สองคน“โอลาฟ-โอเลิฟ” มาเปิดใจครั้งแรก หลังจบความสัมพันธ์ เหลือเพียงแค่คำว่าพ่อและแม่ พร้อมเผยเตรียมส่งลูกชายเข้าโรงเรียนประจำ ขอเคลียร์ชัดๆ หลังไม่ค่อยเห็นหน้าในวงการบันเทิง จนคนลือว่าตอนนี้โอ๊ตหันหลังให้วงการแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 เรื่องสถานะครอบครัว เป็นยังไง?

จีน่า : ก็ลดสถานะจากสามีภรรยาค่ะ มาเป็นลูกสาว (หัวเราะ) หาแม่ใหม่อยู่นะคะ 

 แต่คนก็ลุ้นว่าจะรีเทิร์นหรือเปล่า?

จีน่า : ไม่รีแล้ว เป็นเพื่อนกันดีกว่า คุยกันรู้เรื่องกว่าเยอะเลย

โอ๊ต : เป็นเพื่อนกันดีกว่า อยู่ได้ยาวนานมากกว่า ในสถานะเดิมๆ เหมือนเราอาจไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่ในช่วงหลังๆ เราต้องปรับเปลี่ยนสถานะเพื่อให้ลูกได้รับความรักอย่างเต็มที่ แล้วสถานการณ์ภายในครอบครัวก็ดีด้วย 

 

เราให้โอกาสทั้งคู่ในการใช้สถานะแฟนกับคนอื่น?

โอ๊ต : โอเพ่น แล้วแต่ครับ เราปล่อยอิสระ ฟรี 

วันที่ตัดสินใจลดสถานะลงมา หนึ่งอย่างที่ยากมากคือการบอกลูก เห็นว่าทั้งสองคนทำใจและเตรียมใจนานมาก?

จีน่า : สองปีกว่าจะบอกลูก สักพักใหญ่เลย เราคุยกันว่าได้เวลาแล้วแหละที่เราจะบอกเขาให้เขาเข้าใจ

โอ๊ต : มีช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าลูกยังไม่พร้อม ลูกยังเล็กไปสำหรับเรื่องนี้ เราค่อนข้างต้องการความเข้าใจจากลูกด้วย ส่วนนึงเราเลือกรอให้ลูกโตพอที่จะเข้าใจสิ่งที่มันเกิดขึ้นว่าเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากลูกไปไหนเลย เรายังมีความรักให้ลูกสองคนเพียงพอเหมือนเดิม และมากขึ้นกว่าเดิมด้วย สุดท้ายเราก็มีเหตุผลของพ่อกับแม่เอง ถามว่าเขาเข้าใจมั้ย เขาบอกเขาเข้าใจ โอลาฟเป็นคนที่เข้าใจ แต่ช่วงแรกอาจมีสงสัยบ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่พร้อม เขายังอยากให้อยู่ด้วยกัน ไม่อยากให้แยกกัน พอเขาเสนอมาเราก็โอเค ตอนนั้นเราคุยกันจบแล้วเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวและการเปลี่ยนสถานะ เราต้องรักษาน้ำใจของลูกนิดนึง เราอยู่บ้านเดียวกันแต่แยกโซนอยู่ ใช้ส่วนกลางร่วมกัน ให้ลูกตื่นมาก็ยังเห็นว่าโอเค พ่ออยู่ แม่อยู่บ้านเดียวกัน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ความรักไม่มีเปลี่ยนแปลง ความเป็นพ่อแม่มันยากตรงที่จะทำยังไงให้บรรยากาศในการเลี้ยงดูเขามันปกติที่สุด อบอุ่นที่สุด ไม่ได้มีปัญหาใดๆ พ่อแม่อาจรู้สึกว่าสถานะเดิมอาจไม่เข้ากัน หรืออาจเพียงพอแล้ว แต่สถานะความเป็นพ่อกับแม่ก็ยังคงสมบูรณ์แบบเหมือนเดิมสำหรับลูก

ตอนนี้แยกอยู่คนละบ้านเรียบร้อย แบ่งหน้าที่เลี้ยงยังไง?

จีน่า : หลักๆ อยู่กับคุณพ่อตอนนี้ เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว แล้วก็สลับกัน อยู่กับแม่อาทิตย์ละ 2-3 วัน บางทีเอาคนโตมาอยู่ด้วย จะได้มีเวลาส่วนตัวกัน 

โอ๊ต : นี่เขาเพิ่งแยกกันนะ เมื่อคืนโอลาฟอยู่กับคุณพ่อ โอเลิฟอยู่กับคุณแม่ เวลาเขาแยกกันเขาจะคิดถึงกัน เวลาเจอกันก็หนุงหนิงๆ กัน 

เราแบ่งกันไปมา เรามีกฎครอบครัวมั้ยว่าต้องเจอกันในแต่ละสัปดาห์?

จีน่า :   ก็มีวันอาทิตย์ที่ทุกวันอาทิตย์เราจะไปโบสถ์กัน 

โอ๊ต : ครอบครัวเราเป็นครอบครัวคริสเตียน เราก็จะเข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ ไม่ว่าวันเสาร์โรงเรียนลูกหยุด คนไหนไปอยู่กับคุณแม่ เราก็ให้เขาเลือก จะถามว่าลูกครับ วันนี้ใครอยากอยู่กับคุณแม่ ใครอยากอยู่กับคุณพ่อบ้าง เขาก็เลือก บางทีเขาก็ไปทั้งสองคน บางทีเขาก็ไม่ไป บางทีเขาก็แยกกันไป วันอาทิตย์ตอนเช้าเราไปเจอกันที่โบสถ์ เป็นวันครอบครัว

หลักๆ ลูกอยู่กับพี่โอ๊ตเป็นคุณพ่อฟูลไทม์ เป็นยังไง?

โอ๊ต : สองคนนี้ความชอบไม่เหมือนกัน เราก็ต้องบาลานซ์ดีๆ อย่างพาไปเที่ยวเครื่องเล่น เขาก็ชอบไม่เหมือนกัน อีกคนก็ต้องรอก่อน หรือแม้กระทั่งอาหารเขาก็ชอบไม่เหมือนกัน กินไข่ก็กินไม่เหมือนกัน คนนึงชอบกินไข่เจียว อีกคนชอบกินไข่ดาว เวลาทำให้เราก็ทำให้สองครั้ง จริงๆ ลูกดีมากเลยนะครับ ฝึกความอดทนพ่อได้ดีมาก (หัวเราะ) เลี้ยงลูกชายสองคนต้องอดทนสุดๆ เลย ต้องใจเย็น ควบคุมอารมณ์ให้ได้สุดๆ เลย บางทีปรี๊ดมาถึงคอแล้ว ต้องพยายามกดลงไปนั่งนิ่งๆ ต้องพยายามให้สติตัวเอง เราเลี้ยงเขา ต้องยึดเวลาเขาเป็นหลักด้วย ถ้าเอาเวลาเราเป็นหลัก เขาจะไม่ทันใจเราเลย เรียกก็สองสามนาทียังอยู่ที่เดิม ต้องรอ ต้องค่อยๆ กล่อมเกลา พี่เลี้ยงลูกก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันเครียด เราไม่ได้อยากบังคับ ใช้วิธีทำความเข้าใจกับเขา รอเขานิดนึง ใช้วิธีตัดสินใจ ให้เขาเลือกเอง 

เรื่องการเลี้ยงลูกมีปัญหามั้ย ไปคนละทิศละทางหรือเปล่า?

จีน่า : ไม่มีค่ะ ช่วงแรกๆ มากกว่าที่หาบาลานซ์ไม่ตรงกัน แต่พอแยกแล้ว ลูกอยู่กับแม่ก็กฎระเบียบแม่ ลูกอยู่กับพ่อก็กฎระเบียบพ่อ ไม่มีปัญหา เราหลับหูหลับตาไป

โอ๊ต : บ้านพ่อแบบนึง บ้านแม่ก็แบบนึง

ใครดุกว่ากัน?

โอลาฟ-โอเลิฟ : (ตอบพร้อมกัน) ไม่รู้

ใครใจดีกว่ากัน?

โอลาฟ – โอเลิฟ : (ตอบพร้อมกัน) ไม่รู้ 

วางแผนอนาคตลูกยังไง?

จีน่า : คุณพ่อเขาอยากให้คนโตไปอยู่โรงเรียนประจำ อันนี้เราขัดกันตั้งแต่แรก เราไม่อยากให้ลูกไป เราไม่โอเคที่จะส่งลูกไปอยู่โรงเรียนประจำ แต่สักพักก็เริ่มเห็นด้วย อยากให้ลูกมีคนฝึกระเบียบวินัย อยู่กับพ่ออาจปล่อยเซอร์ไปนิดนึง ตามใจลูก เป็นผู้ชายขี้ใจอ่อน พ่อคล้ายๆ เป็นทาสลูก (หัวเราะ) 

เป็นทาสลูกจริงๆ ใช่มั้ย?

โอ๊ต : มันก็มีส่วนดี คุณแม่เขาก็คำเดียวรู้เรื่อง ทุกอย่างจบเคลียร์ชัดเจน รวดเร็ว กระชับ แต่คุณพ่อก็ยืดเยื้อนิดนึง เขาก็จะลีลากับคุณพ่อเยอะหน่อย แล้วชอบให้พ่อทำทุกอย่างให้

จีน่า : อยู่กับพ่อมือไม้จะเป็นง่อย มือจะไม่สามารถจับช้อนส้อมเองได้ ไม่รู้มือเป็นอะไร 

เขาดูแลตัวเองได้?

โอ๊ต : เขารู้เรื่อง เราคุยกับเขาเป็นจริงเป็นจัง เขาก็รู้เรื่อง ส่วนเขาจะทำหรือไม่ทำก็อีกเรื่องนึง รอให้เขาสมัครใจก่อน 

กิจกรรมพ่อลูก ปกติทำอะไรกัน?

โอ๊ต : พ่อพาลูกไปลุยต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่ พี่เป็นคนเพชรบุรี ชะอำ ก็จะเติบโตมาในรูปแบบเด็กต่างจังหวัดก่อนเข้ากรุงเทพฯ เราก็สนุกกับวิถีเด็กต่างจังหวัด เราอยากให้ลูกแข็งแรงแบบเด็กต่างหวัดมีประสบการณ์ด้วยนิดนึง ก็พาไปเล่นน้ำเขื่อน ขึ้นเขา น้ำคลอง ไปลุยอะไรที่เละเทะ แฮปปี้ ปีนต้นไม้ พาไปเล่นสงกรานต์ต่างจังหวัด ไปขู่สกู๊ดเตอร์ ขี่จักรยาน 

ไปกับแม่สายตื๊ด?

จีน่า : ไม่ถึงขนาดนั้น

โอ๊ต : แม่เขาสายไฮโซหน่อย

จีน่า : ไปงานเฟสติวัล เขาก็อยากไป

โอ๊ต : ก็บาลานซ์ดีนะ ของพี่ออกโลคอลหน่อย เขาก็พาลูกไปเปิดหูเปิดตา เวลาอยู่กับพ่อ พ่อจะพาไปเล่นดิน เล่นทราย อย่างเดียว แม่เขาก็พาไปต่างประเทศบ้าง ไปดีสนีย์แลนด์ งานต่างๆ งานปาร์ตี้ ชายหาด ซึ่งโอลาฟเขาก็ชอบ เขาดูแลตัวเองได้หมดเลย ดูแลแม่ด้วยซ้ำ

ระหว่างไปดีสนีย์แลนด์กับไปเล่นน้ำเขื่อน ชอบไปไหน?

โอลาฟ :   ดีสนีย์แลนด์

โอลาฟกับโอเลิฟบุคลิกต่างกันยังไง?

โอ๊ต : โอลาฟจะชอบเอ็กซ์ตรีมหน่อย กีฬา เอ้าท์ดอร์ ลุย เล่นกีฬาใช้พละกำลัง ส่วนโอเลิฟ ชอบอยู่ห้องแอร์เย็นๆ เหมือนแม่เขาเลย เหมือนตั้งแต่นิสัยยันโครงสร้าง ชอบวาดรูป ชอบงานศิลปะ จะมีสมาธิมาก เป็นเด็กอาร์ต สายศิลปะ อีกคนแนวกิจกรรมหนักๆ หน่อย อายุเขาห่างกันสองปี 

คนนึงเป็นอินโทรเวิร์ต คนนึงเอ็กซ์โทรเวิร์ต?

โอ๊ต : คนเล็กอินโทรเวิร์ต ชอบอยู่ส่วนตัว โอลาฟพี่ตั้งใจส่งเขาเข้าโรงเรียนประจำ หนึ่งเรารู้สึกว่าเขาเป็นลูกชายคนโตและเขาเล่นกีฬาก็อยากหาโรงเรียนที่ฝึกวินัยเขาด้วย เพราะเวลาอยู่กับพ่อที่บ้านไม่ค่อยมีวินัย พ่อคุยแล้วไม่ค่อยเท่าไหร่ ต้องพึ่งบารมีแม่ เราคิดว่าเขาเป็นลูกคนโตด้วย เราวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าถ้าวันนึงพ่อไม่อยู่แล้ว เขาจะได้ดูแลแม่และดูแลน้องได้ เขาต้องแข็งแรงทำหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัวได้ 

พี่โอ๊ตเป็นนักแสดง มีใครพอเห็นแววเข้าวงการได้?

โอ๊ต : โอลาฟเขาก็ชอบนะ ตอนเด็กๆ เราเคยรับงานร่วมกัน งานครอบครัว แต่พอมีพี่ป้าน้าอามาถาม เขาก็เฉยๆ ไม่ได้สนใจอะไร แต่สนใจเฉพาะพวกกิจกรรม โอลาฟเป็นสายแนววิศวกร ชอบก่อสร้าง ต่อเลโก้ เป็นแนวนักวิทยาศาสตร์ มีความเป็นโปรแกรมเมอร์ เขาจะชอบคิดสร้างสรรค์งานคอมพิวเตอร์ โอเลิฟเป็นตัวเลข ภาษา อาร์ต ชอบงานศิลปะ เวลาพาไปถ่ายรูป ไปถ่ายอะไรกับพ่อต้องจ้างนะครับ อีพีละ 500 (หัวเราะ) 

เขามีทะเลาะกันมั้ย?

โอ๊ต : เขาไม่ได้ทะเลาะกันจริงจัง แต่พอสืบทราบมาบ้างแล้วว่าเป็นช่วงวัยอายุ สองปีที่ห่างกันก็วัยใกล้เคียงกันมาก คนโตจะแหย่ เท้าบ้าง มือบ้าง สายตา ทุกอิริยาบถ แหย่ให้น้องโมโห น้องก็ฟ้องทั้งวัน เราก็ต้องค่อยๆ เคลียร์ แล้วก็ให้จับมือดีกัน 

เป็นคุณพ่อฟูลไทม์ มีเวลาทำอย่างอื่นมั้ย?

โอ๊ต : ตอนนี้ทำโรงแรมอยู่ที่บุรีรัมย์ เป็นบูทีคขนาดย่อมๆ ทำได้ 5-6 ปีแล้ว ไปเดือนละครั้งที่บุรีรัมย์ อยู่อำเภอเมือง ชื่อทีเร็กซ์บุรีรัมย์ บูติก โฮเทล มีต้นไม้เยอะ นั่งทำงานในโรงแรมได้ ในส่วนห้องอาหาร ไวไฟแรง 

ลูกชายสองคนทะเลาะกันจนรถเกือบพัง มันเป็นยังไง?

โอ๊ต :   เขาเล่นกันมากกว่า แต่ก่อนใช้รถตู้ ก็เละทั้งรถตู้เลย ขับรถอยู่ พอหันไปหาลูก จากนั่งคาร์ซีสเขาโหนอยู่ข้างบน ขาเกี่ยวแล้วห้อย รื้อหมดทุกอย่างในรถ เขาแค่ซน แล้วเขาร่วมมือกัน เขาคุยกันว่าจะเล่นอะไรกันบ้าง รื้อแล้วซ่อน หยอดต่างๆ ตามซอกต่างๆ ที่รถมี เละ ต้องขายทิ้งไปคันนึง ซ่อมไม่ได้ เคยมีครั้งนึงเราห้ามกินของในรถ เขาก็เอาอะไรกินไม่รู้ ปรากฏว่าแมลงสาบขึ้นเต็มรถเลย ต้องเอารถไปรมควัน รมแก๊สทั้งหมดเพื่อฆ่าแมลงสาบ ตอนหลังเราตัดสินใจว่าเราไม่ซ่อมแล้ว เราขี้เกียจทำเบาะ  ทำระบบต่างๆ แล้ว ก็ขายดีกว่า ใช้รถที่ไม่ต้องแพงมาก ใช้รถธรรมดาที่สุดจนกว่าเขาจะโต

มีบทลงโทษหรือมีวิธีการสอนเขายังไง?

โอ๊ต : เราคุยให้เขาฟัง ว่าลูกครับรถพังไปหนึ่งคันแล้วครับ ถ้ารถคันนี้พังอีก ไม่มีเงินซื้อแล้วครับ จบจากคันนี้คือเดินแล้วครับ เรื่องข้อเกี่ยวในรถบางทีมันหักหมดเลย เขาเล่นแล้วเขาไม่รู้ว่าทำให้รถพังหรือเสียหายได้ ตอนนั้นเป็นช่วงเด็กๆ พอเขาโตขึ้นมา เขาก็เข้าใจมากขึ้น 

วันนี้มาออกรายการโอเลิฟได้ค่าจ้าง?

จีน่า : เขาไม่เอาเงินไปซื้อของเล่น เขาเก็บเงิน ถ้าอยากได้อะไรให้ซื้อเอง (หัวเราะ) เรามีเหมือนแบ่งให้เขา แค่บอกเขาอยากได้ใช่มั้ย ก็ซื้อเองเลย เอาเงินลูกซื้อ เป็นเงินของตัวเองเขาจะคิดเยอะ จากตอนแรกจะเอาๆ พอบอกให้เอาเงินตัวเองซื้อ เขาก็ไม่เอาแล้ว

โอ๊ต : เงินที่ไปโรงเรียน กลับมาก็หยอดออมสิน

หันหลังให้วงการบันเทิงมั้ย?

โอ๊ต : โอ้โห เรามันสายเลือดเนอะ เราทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมา เป็นงานที่ไม่สามารถเลิกไปไหนได้ แต่ช่วงนี้ติดภารกิจเลี้ยงลูกฟูลไทม์ ตื่นเช้ามาจัดการเรื่องลูกทุกอย่าง จนไปส่งลูกที่โรงเรียน กลับมาถึงบ้านประมาณเก้าโมง พี่ก็มีเวลาแค่เก้าโมงถึงบ่ายสาม ไปรับลูกอีกทีที่โรงเรียน ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว พอละครติดต่อมา ช่วงเวลามันก็ไม่เหมาะ เรามีเวลาอยู่แค่นี้ในแต่ละวัน ก็ไม่พร้อมที่จะรับ แต่ตอนนี้เขาเริ่มโตแล้ว เริ่มไปฝากคุณตาได้ ฝากคุณยายได้ คุณแม่เขาก็พอมีเวลา เรารู้สึกว่าเราอยากกลับมารับงานแล้ว ช่วงนี้ก็เริ่มกลับมารับงานมากขึ้น

by TVPOOL ONLINE