แม่ก้อยเผย “ออม กรณ์นภัส” เครียดหนัก! จับได้คนขับรถขายข้อมูลให้ซาแซง ต้นสังกัดไล่ออกทันที พร้อมแจ้งความดำเนินคดีเด็ดขาด

“ออม กรณ์นภัส” เครียดหนัก! จับได้คนขับรถขายข้อมูลให้ซาแซง ต้นสังกัดไล่ออกทันที พร้อมแจ้งความดำเนินคดีเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (ดส.) น.ส.ศิริลักษณ์ คอง หรือ “หลิงหลิง” และ น.ส.กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ หรือ “ออม” ดาราสาวคู่จิ้นชื่อดัง “หลิง-ออม” ได้มอบหมายให้ น.ส.พิมพลอย ปัญจชัยโยกุล ผู้จัดการส่วนตัว และนายอาทร ทองมา ทนายความส่วนตัว เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล รองผู้กำกับการ ดส.บช.น. หลังถูกกลุ่มแฟนคลับหัวรุนแรงหรือ “ซาแซง” คุกคามอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจอย่างหนักแก่ “ออม” คือการจับได้ว่าคนขับรถส่วนตัวของตนเองแอบขายข้อมูลส่วนตัวให้กลุ่มแฟนคลับ โดยได้รับสิ่งตอบแทนเป็นเงินสด นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งส่งผลให้แฟนคลับสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของดาราสาวได้อย่างใกล้ชิด ทั้งการบุกถึงที่พัก และการตามไปยังสถานที่ต่าง ๆ

โดยเหตุการณ์เปิดโปงเกิดขึ้นเมื่อ “ออม” สังเกตเห็นว่าคนขับรถได้รับโทรศัพท์เครื่องใหม่ และไม่สามารถใช้งาน Google Maps ได้ จึงอาสาช่วยเปิดให้ แต่กลับพบแอปพลิเคชันไลน์ที่มีข้อความแชทสนทนาระหว่างคนขับรถและกลุ่มแฟนคลับ พร้อมหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการให้ข้อมูลส่วนตัวของตนเองแบบละเอียดยิบ ทั้งที่อยู่ ตารางงาน และสถานที่ที่กำลังจะเดินทางไป

หลังจากพบหลักฐานดังกล่าว ออมจึงรีบแจ้งให้ผู้จัดการส่วนตัวทราบ พร้อมตัดสินใจไล่คนขับรถออกทันที และนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยมีต้นสังกัดสนับสนุนเต็มที่

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถาม “ก้อย นฤมล” มารดาของออม กรณ์นภัส ซึ่งเปิดเผยว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ลุกลามเกินควบคุม “ก่อนหน้านี้ที่มีแฟนคลับบุกถึงบ้าน ก็สงสัยว่าข้อมูลน่าจะมาจากภายใน ตอนนี้ถึงบางอ้อแล้วว่าเป็นฝีมือของคนขับรถ ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย ทั้งครอบครัวเป็นห่วงมาก เพราะมันน่ากลัวจริง ๆ”

ด้าน พ.ต.ท.ปียรัช เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพยานหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับกลุ่มซาแซงที่กระทำความผิด โดยอยู่ระหว่างรวบรวมเพิ่มเติมเพื่อออกหมายเรียกหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ทางต้นสังกัดของหลิง-ออมยืนยันจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องสิทธิและความปลอดภัยของศิลปิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเตือนประชาชนและแฟนคลับว่า พฤติกรรมคุกคามลักษณะนี้ผิดกฎหมาย และอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษร้ายแรง ขอให้หยุดพฤติกรรมในลักษณะนี้ก่อนจะสายเกินไป

หากประชาชนหรือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน สามารถติดต่อร้องเรียนได้ที่ กก.ดส.บช.น. ซึ่งมีมาตรการรักษาความลับและพร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ.