เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

4 สิ่งที่ควรเลี่ยงถ้าอยากผิวดีแบบไม่ต้องแต่งหน้า

ในยุคที่ความงามไม่ได้วัดกันแค่เมคอัพ แต่เป็นเรื่องของ “ผิวสุขภาพดีจากภายใน” มากขึ้น ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาใส่ใจการดูแลผิวให้สดใสเป็นธรรมชาติ พร้อมโชว์หน้าสดได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องพึ่งรองพื้นหรือเครื่องสำอางหนาๆ เพราะผิวที่ดีจริง จะช่วยเสริมความมั่นใจได้ในทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ได้แต่งหน้าเลยก็ตาม แต่ถึงแม้จะลงทุนกับสกินแคร์ดีๆ หรือเข้าคอร์สดูแลผิวแพงแค่ไหน หากยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่เผลอทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว ผลลัพธ์ที่ได้อาจสวนทางกับความตั้งใจ ผิวอาจยังดูหมอง คล้ำ เป็นสิว หรือขาดความชุ่มชื้นอยู่ดี ซึ่งต้นตอของปัญหาเหล่านี้หลายครั้งก็มาจาก “สิ่งเล็กๆ ที่เราทำซ้ำทุกวัน” ดังนั้น ถ้าอยากมีผิวดีแบบไม่ต้องแต่งหน้าให้ยุ่งยาก ลองเริ่มต้นจากการสำรวจตัวเองว่า กำลังมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่หรือเปล่า? เพราะบางครั้งแค่ “เลี่ยงให้ถูก” ก็อาจเปลี่ยนผิวให้ใสขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ มาดูกันว่า 4 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้าง

1.นอนดึกและพักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนหลับคือช่วงเวลาที่ผิวได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงเวลา 22.00–02.00 น. ที่ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดการอักเสบ หากคุณนอนดึกเป็นประจำหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะเสียสมดุล ฮอร์โมนจะรวน และกระบวนการฟื้นฟูผิวจะถูกขัดขวาง ผลที่ตามมาคือ ผิวจะดูหมองคล้ำ ไม่สดใส อ่อนล้า เกิดริ้วรอยง่าย และอาจมีสิวเห่อขึ้นจากความเครียดสะสม บางคนแม้ทาครีมบำรุงดีแค่ไหน แต่หากนอนดึกบ่อย ผิวก็จะไม่ตอบสนองต่อการบำรุงเท่าที่ควร เพราะขาดเวลาฟื้นฟูจากภายใน หลายคนที่มองหาวิธีฟื้นฟูผิวจากภายในอาจเคยได้ยินชื่อ Sculptra กันมาบ้าง — Sculptra คือ สารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่หลายคนเลือกใช้ควบคู่กับการดูแลตัวเอง เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวกลับมาอิ่มฟูและดูเปล่งปลั่งอย่างยั่งยืน

  • พยายามเข้านอนก่อน 5 ทุ่ม และหลับให้ได้ 7–8 ชั่วโมงต่อคืน
  • ปิดหน้าจอมือถือก่อนนอนอย่างน้อย 30 นาที
  • สร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย เช่น ปรับแสงให้สลัว เปิดกลิ่นอโรม่า หรือฟังเสียงธรรมชาติ
  • หากนอนไม่หลับ ลองดื่มน้ำอุ่นหรือนมอุ่นก่อนนอนเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ร่างกายสงบ

การนอนหลับที่มีคุณภาพ ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังเป็น “สูตรลับความงาม” ที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเลยค่ะ เพราะเมื่อนอนพอ ผิวจะสดใส เปล่งปลั่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และคุณอาจไม่ต้องแต่งหน้าหนาๆ เพื่อปกปิดอะไรอีกเลยก็ได้

2.ล้างหน้าไม่สะอาด

การล้างหน้าไม่สะอาดเป็นพฤติกรรมที่หลายคนอาจมองข้าม แต่จริงๆ แล้วส่งผลกระทบต่อผิวหน้าอย่างลึกซึ้งและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่ผิวต้องเผชิญกับฝุ่นควัน มลภาวะ เครื่องสำอาง และครีมบำรุงต่างๆ การล้างหน้าไม่สะอาดอาจทำให้สิ่งสกปรกเหล่านี้ตกค้างอยู่บนผิว ส่งผลให้รูขุมขนอุดตัน เกิดสิว ผิวหมองคล้ำ และเสียสมดุลได้ง่ายขึ้น เมื่อผิวไม่สะอาดก็จะไม่สามารถดูดซึมสารบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์ราคาแพงหรือสูตรเข้มข้นแค่ไหนก็อาจเห็นผลลัพธ์ได้ไม่เต็มที่

ปัญหาที่ตามมาจากการล้างหน้าไม่สะอาดยังรวมถึงการสะสมของแบคทีเรียบนผิว ซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบ ระคายเคือง และการเกิดสิวซ้ำซาก นอกจากนี้ยังอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ เพราะเมื่อผิวอ่อนแอจากการทำความสะอาดที่ไม่ดี ผิวก็จะพยายามผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง จึงทำให้ผิวมันง่ายและเกิดปัญหาใหม่ตามมา เช่น สิวอุดตันและผิวมันขาดน้ำ การล้างหน้าให้สะอาดจึงไม่ใช่แค่การล้างผ่านๆ แต่ควรทำอย่างใส่ใจ เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว ล้างให้ทั่วถึงทุกจุดแม้บริเวณไรผมหรือข้างจมูก และควรล้างหน้าให้สะอาดทั้งเช้าและเย็น โดยเฉพาะหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดหรือแต่งหน้า การใช้คลีนซิ่งก่อนล้างหน้าก็เป็นอีกขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผิวสะอาดอย่างแท้จริง และลดปัญหาผิวในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.ไม่ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ

การไม่ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำคือหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว เพราะรังสี UV จากแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่เร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น แม้ในวันที่ไม่ได้ออกกลางแจ้งหรือแม้อยู่ในอาคาร รังสี UVA และ UVB ก็ยังสามารถทะลุกระจกหรือแสงไฟบางชนิดมาทำร้ายผิวได้ตลอดเวลา การไม่ทาครีมกันแดดจึงเปิดโอกาสให้รังสีเหล่านี้เข้าทำลายคอลลาเจนใต้ผิว ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ มีริ้วรอยก่อนวัย และจุดด่างดำเกิดขึ้นง่ายขึ้น นอกจากนี้ การละเลยการปกป้องผิวจากแสงแดดยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหารุนแรงในระยะยาว เช่น ฝ้า กระ รอยดำจากสิวที่รักษายาก รวมถึงมะเร็งผิวหนังในกรณีที่ได้รับรังสี UV อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการป้องกัน ผิวที่ขาดการทาครีมกันแดดสม่ำเสมอยังมีแนวโน้มจะไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น เมื่อเจอแสงแดดอาจเกิดอาการแสบ แดง หรือผิวลอกได้ง่าย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผิวเริ่มอ่อนแอและเสียสมดุล การใช้ครีมกันแดดทุกวันจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นพื้นฐานสำคัญของการดูแลสุขภาพผิวอย่างจริงจัง การเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกับกิจกรรมในแต่ละวัน พร้อมทั้งทาให้ทั่วถึงใบหน้าและลำคอ รวมถึงการทาซ้ำเมื่อมีกิจกรรมกลางแจ้ง จะช่วยให้ผิวปลอดภัยและคงความแข็งแรงได้ในระยะยาว

4.ทานอาหารหวานและของทอดมากเกินไป

การทานอาหารหวานและของทอดมากเกินไปเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวอย่างชัดเจน แม้ภายนอกจะดูเป็นเรื่องของรสชาติและความอร่อย แต่ภายในร่างกายกลับเกิดกระบวนการที่กระทบต่อสมดุลผิวอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะน้ำตาลและไขมันทรานส์ที่อยู่ในขนมหวานและของทอด ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย และส่งผลให้ผิวมีแนวโน้มเกิดสิว ผิวมัน และหมองคล้ำได้ง่ายขึ้น น้ำตาลในปริมาณสูงจะเข้าไปเร่งกระบวนการที่เรียกว่า “ไกลเคชัน” (Glycation) ซึ่งเป็นการที่น้ำตาลจับตัวกับคอลลาเจนในผิว ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย และผิวดูหยาบกร้าน ขาดความสดใส ส่วนของทอดที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์สูง จะกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากเกินไป ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวอักเสบได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่ายอยู่แล้ว นอกจากนี้แล้วอาหารเหล่านี้ยังส่งผลต่อระบบฮอร์โมน ทำให้ร่างกายเกิดความแปรปรวนภายในโดยไม่รู้ตัว เมื่อฮอร์โมนไม่สมดุล ก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดสิว และทำให้ผิวหน้าไวต่อการอักเสบมากขึ้นอีกด้วย การรับประทานหวานและของทอดในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องจึงไม่เพียงแต่กระทบต่อรูปร่างและสุขภาพโดยรวม แต่ยังเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาผิวที่เรื้อรังและแก้ได้ยากในระยะยาว หากต้องการมีผิวสุขภาพดีจากภายใน ควรลดการบริโภคของหวานและของทอด หันมาเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี และไขมันดีจากปลา อะโวคาโด หรือถั่วต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ผิวแข็งแรง เปล่งปลั่ง และลดปัญหาผิวในระยะยาวได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย

บทสรุป 4 สิ่งที่ควรเลี่ยงถ้าอยากผิวดีแบบไม่ต้องแต่งหน้า

หากอยากมีผิวดีแบบไม่ต้องพึ่งการแต่งหน้า การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่างถือเป็นกุญแจสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม แม้จะใช้สกินแคร์ดีแค่ไหน แต่หากยังทำพฤติกรรมที่บ่อนทำลายผิวอยู่ ก็ยากที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดย 4 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อผิวสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ ได้แก่ การนอนดึกและพักผ่อนไม่เพียงพอ การล้างหน้าไม่สะอาด การไม่ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ และการทานอาหารหวานหรือของทอดในปริมาณมาก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่เร่งให้ผิวเสื่อมโทรม เกิดสิว ผิวหมองคล้ำ หรือริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูจากภายใน แข็งแรง ดูสดใส เปล่งปลั่ง จนไม่ต้องพึ่งรองพื้นหรือเครื่องสำอางเลยก็ยังมั่นใจได้ทุกวัน

by TVPOOL ONLINE