เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

รายการโหนกระแส วันนี้ พูดคุยกันกรณีที่กำลังเป็นประเด็นร้อน เรื่องเกี่ยวกับ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” หรือ เสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ซึ่งถูกกล่าวอ้าง ว่าเป็นคนที่ถูกร้องเรียน มีผู้เสียหายไปร้องกับกองปราบ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินบริจาค เงินบริจาคที่เจ้าตัวทำโครงการหาเงินไปช่วยเหลือวัดพระบาทน้ำพุ 

ผู้ที่เริ่มต้นจุดประเด็นคือ ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยา ได้ออกมาโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ หลายต่อหลายโพสต์ ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของบุคคลบางคน ที่ใช้ความศรัทธาเป็นเครื่องมือหารายได้ พร้อมทั้งใช้ถ้อยคำแรงในลักษณะเตือนสติและบอกใบ้เรื่องกรรมและการชดใช้ ทำให้หลายคนบนโลกโซเชียลเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า บุคคลที่ถูกกล่าวถึงนั้นอาจเป็นหมอบี เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หมอบีมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือวัดพระบาทน้ำพุ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเองและสื่อกระแสหลักหลายแห่ง

โดยคนที่มาร่วมในรายการวันนี้ ก็เป็นอีกคนที่ออกมาเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์เช่นเดียวกัน คือ รศ.ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์ นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้ออกมาโพสต์ถึงกรณีที่ ดร.ตฤณห์โพสต์ว่า คล้ายกับเรื่องที่ตนรู้มาเหมือนกัน แต่เป็นการโพสต์รวมๆ ถึงหลักการ ไม่ได้อยากจะโฟกัสที่ใครคนใดคนหนึ่ง

 

จากข้อมูล มีการอ้างว่าหมอบีเคยเปิดบัญชีบริจาคในนามวัดหรือหลวงพ่อ ซึ่งกลายเป็นประเด็นสำคัญที่หลวงพ่ออลงกตต้องออกมาชี้แจงต่อสาธารณชน

 

หมอบี เมื่อวานนี้ได้โฟนอินชี้แจงเบื้องต้น ในรายการ “ข่าวใส่ไข่” อ้างว่า ยังพักรักษาตัวจากการผ่าตัดนิ่วอยู่ในโรงพยาบาล แต่ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในหลายรายการก่อนหน้านี้ โดยระบุว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกหรือฉ้อโกงเงินของวัดแต่อย่างใด ทุกกิจกรรมที่ทำเป็นเพียงการช่วยประชาสัมพันธ์ในฐานะจิตอาสา ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องในระบบการเงินของวัดเลย อีกทั้งยังยืนยันว่าหลักฐานทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ และพร้อมชี้แจงอย่างละเอียดอีกครั้งเมื่อหายดี

นอกจากนี้ หมอบียังพูดถึงกรณีที่เคยจัดทัวร์ไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีคนพยายามโจมตีว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยเจ้าตัวยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวดำเนินการตามกฎหมาย มีเอกสารและหมายศาลชัดเจน และไม่เคยมีเจตนาแอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้น

 

ในส่วนของหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุอย่างชัดเจนว่ามีคำสั่งห้ามหมอบีใช้ชื่อวัดหรือชื่อหลวงพ่อเปิดบัญชีรับบริจาคโดยเด็ดขาด ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด และรักษาความโปร่งใสในระบบการเงินของวัด แม้จะไม่ได้ระบุว่าเชื่อข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่หลวงพ่อยืนยันว่าจำเป็นต้องกำหนดมาตรการที่เข้มงวดเพื่อปกป้องชื่อเสียงของวัด และความไว้วางใจของผู้บริจาคทั่วประเทศ

ขณะที่ ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางวัดพระบาทน้ำพุ เล่าว่า หมอบีเคยไปขออนุญาตหลวงพ่ออลงกต ขอให้ดำเนินกิจกรรมการเปิดรับบริจาค เอาเงินมาทำประโยชน์กับวัด สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมอะไรต่างๆ ทางหลวงพ่อท่านก็อนุญาต แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่ง ไม่มีคนของวัดเข้าไปดำเนินการ เขาแค่มาขอ แล้วเขาก็ไปทำเอง แล้วเอาเงินมาให้หลวงพ่อ หลวงพ่อก็ไม่เคยนับ ใครให้มาเท่าไหร่ก็เท่านั้น แล้วก็เอาเงินไปใช้ประโยชน์ 

 

แต่ต่อมา มีตำรวจกองปราบมาหาหลวงพ่อที่วัด เพื่อสอบถามเรื่องของหมอบี โดยบอกว่ามีผู้ไปร้องว่า มีการทุจริตเงินในโครงการช่วยเหลือวัดพระบาทน้ำพุ ทางหลวงพ่อจึงเรียกหมอบีมาสอบถาม เขาก็ยอมรับว่า เขาผิดพลาดไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ได้ขอโทษต่อหลวงพ่อ สำนึกผิด หลวงพ่อจึงให้หมอบีไปหาหลักฐานมาชี้แจง แต่ครั้งนั้นก็ได้ให้อภัย โดยไม่ได้ดำเนินคดีอะไร

 

แต่ทางทนายเกิดผล มารู้เรื่องภายหลัง และบอกกับหลวงพ่อไปว่า หากรู้แล้วไม่ดำเนินการ ทางวัดอาจจะมีความผิดไปด้วย ไม่แจ้งความไม่ได้ จึงทำให้ทางวัดได้แต่งตั้งให้ตนเป็นทนายความ ไปดำเนินการตามกฎหมายตามขั้นตอนต่อไป ขณะที่ทางหลวงพ่ออลงกต ก็ได้สั่ง หมอบี ไม่ให้ใช้ชื่อหลวงพ่อ หรือชื่อวัด ในการไปทำกิจกรรมใดๆ ทุกกรณี

 

อีกคนถูกพาดพิงไปด้วยในเรื่องนี้ ก็คือ อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม ที่มีภาพว่าไปทำกิจกรรมเรี่ยไรเงินบริจาคร่วมกับหมอบี อาจารย์เบียร์มาเล่าในรายการว่า จริงๆ ไม่ได้รู้จักหมอบีเป็นการส่วนตัว แต่ที่ไปเจอเขา เป็นช่วงที่ตนมีกระแสในโลกออนไลน์ ทำให้หมอบีเขาติดต่อ ให้ตนไปช่วยบรรยายในงานของเขา ที่จัดที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พอรู้ว่าเป็นงานของหลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่ตนก็ศรัทธาอยู่แล้ว ทำให้อยากเรี่ยไรเงินบริจาค จากบรรดาลูกศิษย์ของตนมาช่วยด้วย จบงานได้เงินเกือบ 3 ล้าน ก็โอนตรงเข้าวัดทันที โดยไม่ผ่านคนกลาง ไม่ผ่านใคร มีสลิปยืนยันทั้งหมด ตรวจสอบได้ทั้งหมด

 

ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ให้ความรู้ด้านกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่อง การใช้เงินบริจาคผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของข้อสงสัยในคดีนี้ โดยการขอรับบริจาคเงินหรือสิ่งของจากประชาชน หรือที่กฎหมายเรียกว่า “การเรี่ยไร” ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตาม พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 โดยผู้จัดการเรี่ยไรต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ระบุวัตถุประสงค์ วิธีการ และจำนวนเงินที่ต้องการให้ชัดเจน

 

จุดสำคัญที่ผิดกฎหมาย คือ การนำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งตามกฎหมายห้ามอย่างเด็ดขาด เช่น หากประชาชนบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือวัด แต่มีผู้ใดนำเงินส่วนนั้นไปใช้เพื่อกิจกรรมส่วนตัว หรือนอกเหนือจากสิ่งที่แจ้งไว้ จะเข้าข่ายผิดตามกฎหมายทันที

 

หากพบว่ามีเจตนาหลอกลวงประชาชน หรือแอบแฝงผลประโยชน์ส่วนตน อาจเข้าข่าย ฉ้อโกงประชาชน ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 หรือ 343 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  แม้การรับบริจาคจะทำผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย ก็ไม่ได้ยกเว้นจากความรับผิดชอบ หากมีการใช้เงินผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้ ก็สามารถถูกดำเนินคดีอาญาได้เช่นกัน

 

ขณะที่ ทนายกัน ทนายความของหมอบี โฟนอินเข้ามาบอกว่า อาการป่วยของหมอบีกำลังดีขึ้น แต่ยังไม่แข็งแรงพอที่จะออกมาตอบคำถาม แต่วันนี้อยากจะออกมาชี้แจงว่า พร้อมจะเอาหลักฐานการบริจาคทั้งหมด ออกมาแสดงทั้งหมด เพื่อยืนยันว่าข่าวที่ออกมาตอนนี้ไม่เป็นความจริง เรื่องการเอาเงินบริจาคไปสร้างบ้านของหมอบี เป็นสิ่งที่คลาดเคลื่อน ไม่เกี่ยวข้องกันเลย มีเส้นทางการเงินที่สามารถเอาออกมาแสดงได้หมด แต่รอใน 1-2 วันนี้ ว่าจะแถลงที่ไหน อย่างไร

Cr.รายการโหนกระแส

by TVPOOL ONLINE