เวลา 13.00 น.วันที่ 30 ส.ค.68 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร กทม. “คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” (คปท.) นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. และนายพิชิต ไชยมงคล พร้อมแกนนำภาคีภาคประชาชน ร่วมแถลงข่าวถึงท่าทีและจุดยืนทางการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้การเมืองไทยเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการต่อรองระหว่างพรรคการเมือง
นายจตุพร กล่าวว่า การพ้นตำแหน่งของ น.ส.แพทองธาร ไม่ใช่ชัยชนะของประชาชน แต่เป็นเพียงการเปลี่ยนหน้า หากยังคงให้พรรคเพื่อไทยส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อไป ย่อมไม่ต่างอะไรจากการสืบทอดอำนาจของกลุ่มการเมืองเดิม และจะนำไปสู่การถูกต่อต้านจากสังคม พร้อมย้ำว่า แคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ ต้องไม่มาจากพรรคเพื่อไทยโดยเด็ดขาด เพื่อแสดงพลังและส่งสัญญาณไปยังพรรคการเมือง คปท.จึงประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (31 สิงหาคม) เวลา 12.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
นายจตุพร ยอมรับว่า แม้หลายฝ่ายกังวลว่ามวลชนอาจมาน้อย แต่จำเป็นต้องออกมาเคลื่อนไหวทันที เพราะถูกบีบด้วยกรอบเวลา เนื่องจากประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมพิเศษ 3 วันติดต่อกัน ระหว่างวันที่ 3–5 กันยายน 2568 เพื่อหารือทิศทางการเมืองและการจัดตั้งรัฐบาล ขณะเดียวกันในวันที่ 9 กันยายนนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก็จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีชั้น 14 ซึ่งถูกจับตาว่า อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพการเมือง
นายจตุพร เปิดเผยข้อเสนอ 6 เงื่อนไขที่ คปท.ต้องการให้รัฐบาลใหม่ยึดถือ ได้แก่ 1.แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต้องไม่ใช่บุคคลที่มาจากพรรคเพื่อไทย
2.หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะต้อง หมวด 1 และหมวด 2
3.ต้องยกเลิก MOU 43,44 ที่ลงนามกับกัมพูชา
4.ยกเลิกร่างแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ ที่ขยายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ จาก 30 ปี เป็น 99 ปี
5.ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่าง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่อนุญาตให้มีคาสิโน
6.ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน
นายจตุพร ย้ำว่า ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองใด แต่เป็นอำนาจต่อรองของประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลใหม่เดินซ้ำรอยเดิม และสร้างความเสียหายให้ประเทศในระยะยาว
นายจตุพร กล่าวว่า แม้หลายฝ่ายอาจยังลังเลที่จะออกมาร่วมชุมนุม แต่หากรอให้การเมืองเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีเสียงประชาชน วันข้างหน้าจะยิ่งแก้ไขยากและต้องเหนื่อยกว่าหลายเท่า จึงขอให้ประชาชนจากทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มาร่วมกันแสดงพลัง เพื่อให้พรรคการเมืองตระหนักว่าประชาชนคือผู้มีสิทธิขีดเส้นทางการเมือง ไม่ใช่นักการเมืองเพียงกลุ่มเดียว
นายจตุพรยังกล่าวถึงปัญหาความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา โดยเตือนว่าหากรัฐบาลกับกองทัพไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน สถานการณ์ชายแดนก็จะไม่มีวันยุติ และจะสร้างปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยย้ำว่า ประชาชนต้องลุกขึ้นมาเป็นตัวแปรหลักเพราะชัยชนะในวันนี้ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะนักการเมืองล้มเหลวในการทำหน้าที่ ปล่อยให้ประเทศตกอยู่ในวังวนคอร์รัปชันและผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม โดยเปรียบเทียบว่า “สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในวันนี้ เสมือนไทยไม่มีรัฐบาล ต้องพึ่งพากองทัพมากกว่าฝ่ายการเมือง
นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวเสริมว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ทำให้เก้าอี้นายกฯ ว่างลง เปรียบเสมือน “การเตะหมูเข้าปากสุนัข” เพราะพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยยังยืนยันจะเดินหน้ารับข้อเสนอของพรรคประชาชนในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสถาบันหลักของชาติ และเป็นสิ่งที่ภาคประชาชนไม่อาจยอมรับได้
อย่างไรก็ตามการนัดชุมนุมวันที่ 31 สิงหาคมนี้จึงถูกมองว่าเป็น เดิมพันสูง ของกลุ่ม คปท. และภาคประชาชน เนื่องจากจะเกิดขึ้นก่อนหน้าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพียงไม่กี่วัน และในช่วงเวลาที่สังคมไทยกำลังจับตาเส้นทางการเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คปท. ประกาศชัดว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้คือ สารถึงพรรคการเมืองทั้งหลายว่าประชาชนจะไม่ยอมรับการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดต่อเจตจำนงของประชาชนอีกต่อไป และการส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยจะนำไปสู่การเผชิญหน้าทางการเมืองครั้งใหม่ พร้อมเชิญชวนให้ออกมารวมตัวกันตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ (31 ส.ค.) ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการเมืองไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนูน้อยอารมณ์ดี! “น้องสเปซ” หัวเราะชอบใจ เมื่อถูกพ่อเป็กฟัดแก้ม น่ารัก น่ามันเขี้ยวสุดๆ
ดีต่อใจแฟนคลับ 20 ปี “อั้ม-เมย์” เปิดใจถึงกันและกัน
by TVPOOL ONLINE