เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือ บอย ท่าพระจันทร์ เซียนพระชื่อดัง วัย 45 ปี ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) เพื่อขอรับคำปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์) พร้อมประกาศเตรียมดำเนินคดีกับกลุ่ม “เกรียนคีย์บอร์ด” ที่เข้ามาคอมเมนต์สร้างความเสียหายและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยยืนยันว่า การขอโทษเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องมีการชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งด้วย

ชี้เป้า “เกรียนคีย์บอร์ด” ไม่ใช่แค่ปรึกษา แต่เตรียมฟ้องจริง!

บอย ท่าพระจันทร์ เปิดเผยว่า การเข้าพบเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ ยังไม่ได้เป็นการแจ้งความหรือปรึกษาคดีโดยตรง แต่มาขอคำแนะนำเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และวิธีแก้ไขปัญหาคอมเมนต์ที่ไม่เหมาะสมและสร้างความเสียหายในโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีจำนวนมากภายหลังการโพสต์เรื่องราวต่างๆ

อย่างไรก็ตาม บอย ท่าพระจันทร์ ย้ำอย่างชัดเจนว่า สำหรับคอมเมนต์ที่ทำให้ตนเองเสียหายนั้น จะต้องแจ้งความดำเนินคดีอย่างแน่นอน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดแยกประเภทความผิดของแต่ละคอมเมนต์ เพื่อนำไปปรึกษาทนายความและดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

เมื่อถูกถามถึงประเด็นที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ บอย ท่าพระจันทร์ ระบุว่าเป็นเพียงส่วนน้อย โดยที่ผ่านมาตนเองเคยดำเนินคดีกับผู้ที่เป็น “หัวหน้า” มาแล้ว 1 ราย ซึ่งศาลได้สั่งจำคุกเป็นเวลา 32 เดือน แต่ไม่ได้เอาผิดคนอื่นๆ ที่เป็นเพียง “ส่วนหาง”

แต่สำหรับในครั้งนี้ บอย ท่าพระจันทร์ ลั่นวาจาว่า หากพบคอมเมนต์ใดที่มีความเสี่ยงและเข้าข่ายความผิดที่สามารถเอาเข้าคุกได้ จะดำเนินคดีกับ “ทั้งขบวนการ” อย่างเด็ดขาด

ตำรวจเตือน! เล่นโซเชียลต้องระวัง โทษหนักถึงจำคุกและต้องชดใช้ค่าเสียหาย

ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 เผยว่า ได้ให้คำแนะนำกับ บอย ท่าพระจันทร์ ไปแล้ว โดยชี้แจงว่าการดำเนินคดีเป็นสิทธิของผู้เสียหาย หากมีหลักฐานเพียงพอให้รวบรวมหลักฐานและแยกแยะประเภทความผิด ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ผบก.สอท.1 ยังได้ฝากเตือนไปยังผู้ใช้โซเชียลมีเดียว่า การโพสต์ คอมเมนต์ หรือการแชร์ข้อมูลต่างๆ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมีกฎหมายกำกับอยู่ โดยเฉพาะการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อาจเข้าข่ายความผิดฐาน หมิ่นประมาท ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี

นอกจากนี้ การนำภาพไป ตัดต่อ เพื่อให้ผู้อื่นเสียหาย จะเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 16 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท

“เดี๋ยวนี้ขอโทษอย่างเดียวไม่พอ ไหว้สวยรวยกระเช้าไม่ได้” พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย พร้อมเตือนว่าผู้ที่ไป “ร่วมทัวร์” คอมเมนต์โจมตีผู้อื่นอาจถูกดำเนินคดีไปด้วย และนอกจากโทษทางอาญาแล้ว ยังมีการรับผิดทางแพ่งที่อาจต้องชดใช้ค่าเสียหาย ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนระวังไม่ให้กระทบสิทธิของผู้อื่นในการใช้สื่อสังคมออนไลน์

ข่าวที่น่าสนใจ

by TVPOOL ONLINE