วันที่ 19 ตุลาคม 2568 — นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ว่า ถือเป็นสัญญาณดีที่รัฐบาลเริ่มขยับในการจัดทำยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม น.ส.ชยิกา เสนอให้รัฐบาล “ต่อยอด” จากกลไกที่รัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เคยดำเนินการไว้สำเร็จ โดยเฉพาะการถอดบทเรียนจากมาตรการของประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ และเวียดนาม เพื่อใช้กดดันเครือข่ายสแกมเมอร์ให้ได้ผลจริง
เธอยกตัวอย่างมาตรการที่ควรดำเนินการต่อเนื่อง เช่น
1️⃣ โจมตีเส้นทางการเงิน (Financial Warfare) — ใช้มาตรการคว่ำบาตรผู้เล่นหลัก ตัดการเข้าถึงระบบการเงิน และตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ เพื่อขยายผลตรวจสอบเส้นทางเงินของกลุ่มอาชญากรรมในภูมิภาค รวมถึงเครือข่าย Prince Group ของ “เฉิน จื้อ” ในไทย
2️⃣ ยึดสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่ — ให้ ป.ป.ช., ปปง., กระทรวงการคลัง และ ก.ล.ต. ตรวจสอบเส้นทางคริปโตที่เชื่อมโยงกับค่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา
3️⃣ ปิดท่อรับสมัครงานเถื่อน — สานต่อความสำเร็จจากรัฐบาลก่อนที่เคยปิดเว็บปลอมกว่า 400,000 URL และอัปเดตข้อมูลเพื่อเตือนประชาชน
4️⃣ ยกระดับความร่วมมืออาเซียน-UN — ผลักดันให้ชาติสมาชิกช่วยกันแก้ปัญหาค้ามนุษย์และสแกมเมอร์ข้ามชาติอย่างต่อเนื่อง
ช่วงท้าย น.ส.ชยิกา กล่าวย้ำว่า “อย่ากลัวที่จะต่อยอดนโยบายเดิมของรัฐบาลแพทองธาร เพราะเป็นเรื่องที่ช่วยเหลือประชาชนโดยตรง นายกรัฐมนตรีต้องบูรณาการทุกกระทรวง ทั้งคลัง มหาดไทย และการต่างประเทศ เพื่อกดดันเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชาอย่างจริงจัง ไม่ใช่ลอยตัวเหนือปัญหา แล้วปล่อยให้ทหาร ตำรวจ หรือกระทรวงการต่างประเทศต้องแก้ปัญหากันเอง.”
ข่าวที่น่าสนใจ
โดนเหมือนกัน!! ต้มหอม” เผย ออเดอร์ถูกแคนเซิลเท่าไหร่ หลังไปไลฟ์ เจนนี่ ได้ยอดขายมา 5 ล้าน
by TVPOOL ONLINE