เชื่อว่าหลายคนยังสงสัย ที่ไปที่มา สำหรับความสัมพันธ์และความสนิทสนมกันระหว่าง “ป้าตือ สมบัษร ถิระสาโรช” ออร์แกไนเซอร์มือหนึ่งของไทย กับ ”มิกซ์ เฉลิมศรี“ และบ้านยักษ์ ว่าอะไรที่ทำให้สนิทสนมถึงขั้นเรียกแม่เรียกลูก ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ควงกันมาเม้าท์มอยผ่านรายการคุยแซ่บShow นอกจากสร้างเสียงหัวเราะตลอดทั้งรายการแล้ว ป้าตือยังขอโทษมิกซ์ เกี่ยวกับดราม่าล่าสุดจนทำให้มีน้ำตาทั้งสองฝ่าย พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยความลับที่นี่ทีแรกกับเซ้นส์ของป้าตืออีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แรงมากคุณน้า! “ทนายธรรมราช” โดนชายปริศนา ทำร้ายจนร่วงกลางวงสัมภาษณ์
- แซ่บทิ้งทวนก่อนฤดูหนาว “วุ้นเส้น” โชวลุคสวมบิกินี่สีส้ม
ทำไมถึงมาสนิทกัน ?
มิกซ์ : เค้าไม่เหลือใครแล้วในวงการ เพราะถ้าเราอยู่ในยุคที่ออแกไนซ์บุกเบิก เราก็จะรู้ถึงความร้ายของเขา เพราะว่าเค้าเป็นคนจริงจังกับงาน เป็นคนเป๊ะ แต่พอได้ใช้ชีวิตกับเขาจริงๆ เค้าเป็นคนปัญญาอ่อน ด้วยวัย 60 ไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะมีมุมแปลกๆ

ป้าตือ : อันนี้เป็นคำชมเนอะ
มิกซ์ : เราเข้าใจเขา เวลาเค้าทำงานเค้าจะเป็นคนจริงจัง แรกๆ ที่เค้ามาอยู่กับพวกหนู เค้างงว่าทำไมเรากินข้าว แล้วไม่มีช้อนกลาง เราก็งงว่า เราอยู่มาขนาดนี้แล้ว เราไม่ได้ใช้ช้อนกลาง เราก็ยังไม่ได้ตาย ก็ยังไม่มีใครเป็นโรคจากการไม่ใช้ช้อนกลาง
ป้าตือ : เราก็อึ้ง เราก็ถามว่าทำไมถึงไม่นั่งกินข้าวกันดีๆ สุดท้ายเค้าก็เลยนั่งกินบนพื้นเป็นเพื่อนเรา
มิกซ์ : บางทีแรกๆ ก็ถามว่าบ้านเธอไม่มีหลอดหรอ
ป้าตือ : มิกซ์กับตือ เรารู้จักกัน มันคลิกกัน
มิกซ์ : คือหนูไปเจอเขาในงาน นั่งเม้าท์กันนิดหน่อย แล้วแม่บอกว่า เดี๋ยววันหลังมีอะไร ไปกินข้าวกัน
ป้าตือ : ถูกคอกัน คุยปั๊บ เค้านิสัยเหมือนเรา เหมือนเป็นการถ่ายทอดดีเอ็นเอกัน มันเป็นคนเหมือนกัน เพราะจริงๆแล้ว ลึกลึกเราเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไร แล้วเขาก็เป็นเหมือนเรา และเวลาอยู่กับเขา เราก็ไม่ค่อยพูด นั่งฟังเขาพูด แล้วพูดตรงๆ เราก็เป็นคนเลือกคบคน และอันนี้ก็คืออยู่ในไข่แดงของเรา มันเป็นความสัมพันธ์ที่มองตากันก็รู้แล้ว

ทำไมเราถึงรักมิกซ์ เฉลิมศรีได้ขนาดนี้ ?
ป้า ตือ : ก็เค้าเป็นคนดี เค้าเป็นคนชอบช่วยเหลือคน สุดท้ายแล้วจริงๆ เค้าเป็นคนคิดถึงคนอื่นก่อน แล้วตั้งแต่ไปกินข้าว เค้าเป็นคนเดียว ที่บอกว่าแม่กินนู่น แม่กินนี่ เจอหน้าทีไรก็จะถามว่ากินข้าวหรือยัง เค้าก็จะตักข้าวมาให้เรากิน แต่ก็ไม่รู้ว่ากรอกอะไรลงไปหรือเปล่า (ยิ้ม)
แต่ป้าตือก็เปย์หนักเช่นกัน?
มิกซ์ : สมัยแรกๆ เค้าจ้างเราไปกินข้าว เพราะเราก็คิดว่า ยายป้าคนนี้ เค้าเข้าหาพวกเราเพราะอะไร แปลกๆ มีช่วงหนึ่งที่เราทำงานหนัก เราก็อยากกลับบ้านไปกินอะไรง่ายๆ เค้าก็โทรถามว่าอยู่ไหน ซึ่งเรากำลังจะกลับบ้าน เค้าบอกว่าอย่าพึ่งกลับเลย ไปกินข้าวกัน ซึ่งตอนนั้นรถติดมาก แม่ก็เลยบอกว่าอยู่กับใคร มากินข้าวกัน เดี๋ยวให้คนละ 10,000 ซึ่งตอนนั้นมีปิงลี่อยู่ด้วย นางกลับรถทันที (หัวเราะ) แล้วพอเรากินข้าวไปสักพัก มันเริ่มดึก เราก็เลยบอกขอตัวกลับก่อน แม่ก็เลยบอกว่าเราเล่นเกมเนอะ เดี๋ยวมีรางวัลเพิ่ม เรากับปิงลี่ก็มองหน้ากัน เป็นการทำรายได้ วันนั้นปิดจบได้คนละ 20,000 บาท
ป้าตือ : คือพูดตามจริง เราเป็นคนทำงานเยอะ เราเป็นคนไม่ค่อยใช้เงิน แต่อยู่ดีๆ ก็มีลูกหลาน เราก็แบ่งไปให้เขาใช้ ซึ่งเราก็แจกทุกคน แต่อาจจะไม่เท่ากัน
มิกซ์ : อย่างยอดขายที่ร้านเค้าดี เค้าจะมากระซิบถามเราว่า ลูกๆ คนอื่นว่างไหม แม่อยากแจกตังค์ เราก็คิดว่าแม่ไม่ไปซื้ออะไรเหรอวะ
ป้าตื้อ : คือเราทั้งสองคนยุ่งมาก แต่เราก็มีรายการขึ้นมา ชื่อว่าจ้างลูก ทำแบบไม่หวังรายได้ แต่เป็นการเรียกลูก ให้มานั่งกินข้าวกัน เป็นรายการตลกๆ แต่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า เค้านิสัยเหมือนเรา เค้าดูแลคนทั้งบ้าน

เห็นว่าสนิทกันจนพนักงานห้างเม้าท์ ว่าถ้ามิกซ์อยากได้อะไร ไม่ต้องจ่ายเงิน?
มิกซ์: หนูไม่เคยรู้สึกว่าเกิดมาแล้วเป็นลูกสาวมาเฟียได้ขนาดนี้ คือเหตุการณ์หนูไปซื้อรองเท้า ที่เซ็นทรัลชิดลม เพราะแต่ละห้างก็จะมีคนดูแลคุณตือ แต่ละห้างก็จะรู้จัก เหมือนเค้าจะมีสาย เรากำลังจะซื้อรองเท้า แล้วจ่ายตังค์ พนักงานก็แนะนำตัว ว่าดูแลป้าตืออยู่ ว่าป้าตือจ่ายตังค์ให้แล้ว
ป้าตือ : คือมันผูกพันจริงๆ เวลาเรามองหน้ากัน ว่าเขามีอะไรอยู่ในหัว ซึ่งเราก็ไม่ได้ชอบถามเค้าเลย อย่างมากก็แค่ยกหูโทรศัพท์ เราก็ถามว่าโอเคไหม ถ้าเค้าบอกโอเค เราก็จะไม่เซ้าซี้ แต่ก็แปลกดี ดวงเราเหมือนอยู่ในทุกเหตุการณ์สำคัญของเขา
ใน ตต. มีคำค้นหาว่า ป้าตือทำอะไรถึงรวย ?
ป้าตือ : ก็ทำงาน หาเงินเอง ตั้งแต่เกิดมาแล้วทำงาน เราตัวคนเดียว
มิกซ์: ล่าสุดก็มีคนมาขอถ่ายรูป แล้วเราก็ถามว่ารู้จักไหมว่าเค้าทำอาชีพอะไร เด็กคนนั้นก็บอกว่าเค้าขายไข่ต้มกับน้ำปลา ที่ร้านจิ้นทอดป้าตือ คือเค้าเป็นคนมีอาชีพนะ หลายคนอาจจะไม่ทราบ อาจจะนึกว่าต้มไข่จนรวย
เค้าก็เลยมองว่าแก๊งค์คุณมิกซ์ ไปสนิทกับป้าตื๊อเพราะต้องการอะไรไหม?
มิกซ์ : ขอตอบตรงนี้เลย กล้องไหน ใช่ค่ะ(หัวเราะ) พวกเราคือแก๊งค์ โอเชี่ยนเอ้ก
ป้าตือ : คือพวกเขาก็เป็นคนหาเงินเก่ง พวกเขาเป็นคนไม่เคยขออะไรตือเลยนะ จนตือต้องบังคับ จนเราไปเจอของ แล้วก็ส่งไปเค้าดูว่าเออแม่เจออันนี้ เอาไหม เค้าก็ตอบว่าไม่เอา หนูไม่ได้ใช้ แต่ถ้าเป็นฝนหรอ เอามา เอามาก่อน
มิกซ์ : ซึ่งเขาก็คิดตลอด ถ้าซื้อให้หนู ก็ต้องซื้อให้พี่ฝนด้วย ต้องเป็นคู่กัน
ป้าตือ : เค้าก็จะมีแก๊งค์กัน ว่าตือไอปุ๊บ ก็จะส่งข่าวไปเลย ว่าแม่ไอแล้ว
มิกซ์ : เราก็จะเช็คมรดกกันตลอดเวลา ว่าออแกไนซ์เป็นชื่อใคร ร้านจิ้นเป็นของใคร
ป้าตือ : ก็ร้านจิ้นเกิดจากมิกซ์นี่แหละ เค้าเป็นคนอยากให้เราทำ เค้าบอกว่าเค้าอยากกิน ไอ้เราก็เลยต้องมาเปิดที่กรุงเทพฯ

พอเรามาอยู่แก๊งค์นี้ ป้าตือต้องปรับตัวยังไงบ้าง?
มิกซ์ : เค้าก็ไม่ต้องปรับตัวอะไรนะ แต่ช่วงแรกเค้าจะช็อคในสิ่งที่พวกเราทำ อย่างเวลาเรากิน เราก็ใช้มือบ้าง เพราะเนื้อแท้ของสาวประเภทสอง ก็คือเด็กผู้ชาย เค้าก็จะตกใจว่าใช้จานแยกเหรอลูก
ป้าตือ : ตอนแรกที่เราไปบ้านพวกลูกๆ ก็บอกว่าขอใส่ถุงเท้านะ เพราะอยู่บ้านไม่เคยถอดรองเท้า ก็เลยขอว่าทุกวันนี้ถ้าไปบ้านก็ขอใส่ถุงเท้า
มิกซ์ : ก็เพราะว่ากลัวสิ่งสกปรก (ยิ้ม) แล้วตอนนี้ก็ไม่มีแก้วสตาร์บัคแล้ว เพราะว่าถ้าจะมายุ่งยาก ก็ต้องหากินเอง
อะไรที่ทำให้ป้าเปลี่ยนไปหลังจากมาเจอแก๊งค์นี้?
ป้าตือ : ทำให้เราอยู่ง่าย กินง่าย
มิกซ์ : หลังๆ เขาเริ่มรีแล็กซ์มากขึ้น จากเมื่อก่อนเค้าทำงานเค้าจะเป๊ะ หลังๆ เค้ามีความสุข ปล่อยให้ทุกคนได้ทำงาน ต่อให้มันผิดพลาดนิดหน่อย แล้วถ้ามันผ่านไป แล้วมันไม่สามารถแก้ได้ เค้าก็จะรู้สึกว่ามันแค่นิดหน่อย
ป้าตือ : อันนี้ก็ต้องให้เครดิตเขา เวลาที่เราอยู่กับผู้สาว เราก็จะขอบคุณเขา ทำให้เรามีความสุขในวัยนี้ ให้เราได้อยู่กับลูกทุกคน เหมือนว่าเรานั่งดูแล้วก็มีความสุขแล้ว ขอบคุณที่มาอยู่ในภาพของเราในช่วงเวลานี้ เพราะว่าเพื่อนไม่คบเราแล้ว (ยิ้ม) เขาก็ถามเราว่า แล้วเพื่อนแม่ที่เป็นไฮโซ เค้าจะคบแม่หรอ เราก็บอกไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ
มิกซ์เคยเจอป้าตือดุไหม?
มิกซ์ : ไม่เคย
ป้าตือ : แต่ลูกคนอื่นจะโดน ก็เรียกเข้ามาอบรมพร้อมกันทีเดียว แบบรายบุคคล
มิกซ์ : เพราะเด็กแต่ละคนเค้าก็จะมีความเชื่อมั่นตัวเองสูง ทำอะไรไปก็ไม่ได้คิดถึงคนรอบข้าง อย่างเวลามีกระแส ดราม่า เค้าก็จะบอกว่าทำแบบนี้ไปแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ทำอะไรก็ให้คิดนิดนึง
ป้าตือ : เราอยู่ตรงนี้ เด็กๆ ก็ดูเราอยู่ เราจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีไม่ได้ ทำอะไรผิดเราก็ต้องรู้จักขอโทษ ขอโทษคน ไม่ได้เสียตังค์ แต่จะไม่ด่ารุนแรง และเวลาเราอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เอาเรื่องเจนเป็นตัวกำหนด เราเน้นมีความสุขร่วมกัน อย่างแตงโมทำกับข้าวให้เรากิน เราก็มีความสุขแล้ว
มิกซ์ : อย่างล่าสุดที่หนูมีดราม่า ยายโมนางก็ไปขอนแก่น เค้าก็รู้สึกว่าบ้านเราแปลกๆ เจอแต่เรื่องซวยๆ เค้าก็เลยบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะเป็นหมอรับขวัญ เค้าจะมารำ และมาผูกข้อไม้ข้อมือ ก็เลยเรียกป้ามา ป้าก็งงว่าเหมือนพิธีบูชายันต์ ผูกข้อไม้ข้อมือให้กะเทยในบ้าน
ป้าตือ : อย่างมิกซ์เค้าเป็นคนปากแข็ง เวลามีอะไรจะไม่พูด จะเก็บทุกอย่าง
มิกซ์ : เราคิดว่า บางเรื่องถ้าเราเอาอยู่ เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เราก็บอกว่าโอเคนะ
ป้าตือ : เอาจริงๆนะเรารู้จักนิสัยเขา ถ้าเค้าบอกว่าโอเค ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่โอเค เค้าเป็นคนกลืนเลือด แล้วในสังคมบ้านนี้มันดูแปลกๆ คือคนที่อยู่ในบ้านนี้ สมมุติคนๆ นี้เดือดร้อน ก็พามาอยู่ในบ้านหลังนี้ คนนี้ไม่มีที่อยู่ ก็ให้มาอยู่บ้านหลังนี้
มิกซ์ : การที่เราไม่ได้บอกทุกคน หรือบอกคนในบ้าน เพราะเราก็ไม่อยากให้เค้าไปคิดตาม
เวลาที่ลูกสาวเก็บไว้คนเดียว แล้วไม่ไม่มาบอก เรารู้จะทำยังไง?
ป้าตือ : เรารู้หมดทุกอย่าง แต่เราก็ไม่พูด เราก็รอให้เค้าอยู่ตัว ขอให้เขามาบอกเราเอง ตือจะรู้กัน ปล่อยให้เค้าไปจนสุดแม็ก จากนั้นค่อยมานั่งกินข้าวแล้วมาพูดกัน ถามว่าเรารู้ไหม เรารู้ แต่เราไม่ถาม
มิกซ์ : ยังไม่มีคิดที่เราร้องไห้ คือเหตุการณ์เราตัดสินใจแล้วว่าเราไม่คุยกับคนนั้นแล้ว เค้าก็เลยมาหาเรา เราก็มูฟออนแล้ว แต่ด้วยความของเค้า เขาเป็นคนแนะนำคนนี้มาให้เรา
ป้าตือ : ก็คือคนๆ นั้น เค้ามาบอกเราว่าเค้าอยากรู้จักกับลูกสาว เราก็เลยบอกว่าให้เค้ามาทำความรู้จักเอง เหตุมันก็ไปเกิดที่ร้านจิ้นทอด
มิกซ์ : เหตุผลที่ทำให้เราสะเทือนใจ จนเราร้องไห้ ก่อนหน้านี้เราไม่ร้องไห้เลย แต่เค้าเดินมาบอกว่า เอ็งจำได้ไหม อันนี้หมายถึงบอกผู้ชายคนนั้น ว่าวันแรกที่มา เอ็งพูดกับแม่ว่าอะไร แล้วถ้าเอ็งดูแลลูกสาวแม่ไม่ได้แล้ว แม่ขอคืน ลูกคนเดียวแม่ดูแลได้
ป้าตือ : ใจอ่ะ ลูกฉันก็ให้เธอไปแล้ว ถ้าไม่เอา แล้วเอาไปขยี้ เอาคืนมา ซึ่งเค้าก็อยู่กับเรา
มิกซ์ : หนูก็ร้องไห้เลย แม่เค้าก็กอดเรา
ป้าตือ : เราก็รู้สึกแย่ ว่าทำไมเค้าถึงมาทำ อะไรกับลูกเราแบบนี้ แต่เรารู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว มันเป็นเรื่องครอบครัว ซึ่งเราก็ไม่ว่าใคร แล้วนิสัยเราสองคนคือ เราจะไม่นั่งนินทาคน มีอะไรก็จะพูดตรงๆ เคลียร์กันเลย เอายังไง จบไหม แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเค้านะ เพราะเค้าไปเดินป่าแล้ว โทรไปหา ลูกสาวก็บอกว่ากำลังเดินป่าอยู่
ตอนนี้สถานะหัวใจคุณมิกซ์เป็นยังไง?
มิกซ์ : หนูก็โสดแหละ แต่ก็มีคนเข้ามาคุย ก็หาเองแหละ เพราะหาเองไม่ค่อยพลาดเท่าไหร่
ป้าตือ : เอางี้ ถ้าอยู่บ้านเดียวกัน วันๆ ฉันไม่ต้องทำอะไร เช็ดแต่บันได หัวบันไดไม่แห้ง ซึ่งถามว่าสเปคเค้าเป็นยังไง ใครก็ได้ที่อยู่ด้วยกับเขาแล้วเขาสบายใจ เอาลึกลึกเนอะ ขอขายของเนอะ เค้าไม่ได้เป็นคนเยอะ แต่คนชอบกลัวเค้า คนเข้ามาจีบเยอะ แต่ก็มาแปลกๆ
มิกซ์ : คือบางทีที่เข้ามา เราก็ไม่เอา หรือบางทีที่เข้ามา มาเจอเรา แล้วก็ถ่ายรูปส่งให้เพื่อนเค้าดู ว่าคุยกับหนู อันนี้มันเหมือนดูพุ่งเป้าไป แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดถูกบันไดไม่แห้ง เพราะเดี๋ยวเค้าจะดูว่าหนูง่าย
อย่างภาพลักษณ์ของบ้าน ป้าตือก็ต้องดูแลกำชับตลอด?
ป้าตือ : ไม่ได้ดูแลนะ อันนี้พูดตรงๆ ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองหมด อันไหนคือเรื่องส่วนตัว มิกซ์เค้าจะไม่ยุ่งเลย ก็จะปล่อยน้องให้ตามสบาย แต่พอมีเรื่องปุ๊บ เจ๊เค้าจะรวบมา ไม่มามาถึงหูตือหรอก แต่เค้าจะมาเล่าตอนสรุปจบแล้ว คือเค้าจะมาอัพเดทให้ฟัง
คือไม่มีใครกล้าแซวว่าป้าตือ มีแต่เราแซว?
มิกซ์ : คือภาพลักษณ์ตอนนี้เค้านะ ตอนเด็กๆ เราก็ไม่กล้าทักเขา แต่พอภาพเค้าเป็นตอนนี้ เด็กนักเรียนยังเดินมาทักเค้าเลย เด็กดีใจมากที่ได้เจอเขา ป้าตือเค้าคงดีใจที่เด็กเข้ามาทัก ว่าเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก
ป้าตือ : ซึ่งถามว่าร่างยักษ์ยังมีในตัวไหม ก็ยังมีอยู่นะ แต่มันแล้วแต่หน้าที่ บริบทในการทำงาน เราก็อาชีพรับจ้างเหรอ เค้าจ้างให้เราทำอะไร เราก็ต้องทำในส่วนนั้น จริงๆหนูไม่ได้เป็นคนร้าย แต่เป็นที่คนตัดต่อ แต่เราก็ต้องพูดตรงๆ ว่า สมัยก่อนยุคการทำงานตอนนั้น ว่ามันมีหลากหลาย มันต้องแข่งกับเวลา มันหลายสิ่ง
และสิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่รู้ ป้าตือเป็นคนมีซิกเซ้นส์?
มิกซ์ : คือจริงๆเค้าไม่อยากให้ถามเรื่องนี้ เพราะว่าเค้าโตมาอยู่วงการแฟชั่น กลัวว่าจะไปแย่งอาชีพหมอปลา
ป้าตือ : (โชว์พระที่คอเยอะมาก) คือเรื่องมีเซ้น ต้องเล่าท้าวความไปตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก หนูอยู่บนบ้านที่เป็นตึก ชั้นสาม มีคนมายิงกันที่หน้าบ้าน เราก็ก้มลงไปมอง หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราก็จะรู้สึกว่าเรามีเซ้นส์ เตี่ยจะเสียวันไหน พี่ชายพี่สาวจะเสียวันไหน เหมือนตอนช่วงที่เตี่ยจะเสีย เราคุยโทรศัพท์เสร็จ เราก็หันไปบอกเพื่อนว่าอีก 1 เดือนเดี๋ยวเราจะเสีย
มิกซ์ : แต่สำหรับเราเค้าไม่เคยทักเรา อย่างล่าสุด เราเก็บหลักฐานของคนที่เราเลิกคุยไปแล้ว แต่ยังไม่ได้บอกใคร ยายนี่โทรมา บอกว่าเป็นไงบ้างลูก ยังรักกันดีไหม เราก็ตอบไปว่าปกติ ซึ่งเราก็ต้องตอบแบบนั้น ทุกครั้งที่มันมีเรื่องแบบนี้ ไม่ถึงชั่วโมง ยายนี่โทรมาทันที
ป้าตือ : คือเราจะเป็นคนแบบนี้ อย่างยายฝนจะไปดูมนุษย์ต่างดาว เราก็เลยบอกหยุดไม่ต้องไปดู เดี๋ยวสองทุ่ม แกจะเห็นเอง แต่ก็ ยืนยันไม่ได้เป็นหมอดู
ความในใจแม่ลูกผูกพัน ?
ป้าตือ : อยากจะบอกว่าซอรี่นะที่ทำให้ร้องไห้ ฉันแม่นหมดทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องผู้ชาย
มิกซ์ : เค้าเคยขอโทษแล้ว แต่เราก็เสียใจนิดนึง ที่ทำให้เขาร้องไห้ เค้าเคยบอกว่าแม่ไม่เคยขอโทษเอ็งเลย ที่พาคนคนนี้มาให้เองรู้จัก แต่หนูก็บอกเพื่อนๆ ตลอดว่า การที่มีป้าตือเข้ามา มันทำให้หนูไม่ขาด อย่างเมื่อก่อนพ่อหนูชมอยู่ตลอด และแม่หนูเองยังบอกเลยว่า ป้าตือเหมือนพ่อเลยเนอะ ทำแทนพ่อไปแล้วมั้ง
ป้าตือ : อุ๊ยแรงไปไหม เหมือนแม่ได้ไหม
มิกซ์ : อันนี้ชม เพราะเค้าชอบชมว่าลูกสาวแม่เก่งจัง
ป้าตือ : เราชม ไม่ใช่เพราะอยากเอาใจ แต่ลูกเราเก่งจริง ลูกเราเป็นคนเก่ง ตอนนี้หัวกระไดบ้านเรา ก็ยังพร้อม
by TVPOOL ONLINE