14 ต.ค 68 คุณณพ ณรงค์เดช นักธุรกิจชื่อดัง พร้อมทีมทนายความ แถลงข่าวโต้กลับกรณีถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงเอกสารที่ ดร.เกษม ณรงค์เดช คุณพ่อของตน เซ็นเรื่องหุ้นให้กับบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด โดยมี นายกฤษณ์ ณรงค์เดช พี่ชาย ,กรณ์ ณรงค์เดช น้องชาย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องณพและ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ซึ่งเป็นแม่ยายของณพ ณ ห้องพินนาเคิล 2 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล

ณพ เปิดเผยว่า ตนซื้อบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด มาตั้งแต่ปี 2558 ตอนนั้นถามพี่น้องว่าสนใจร่วมลงทุนกับตนไหม แต่พี่น้องไม่ลงทุนด้วยเพราะมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ในปี 2559 ตนได้ขายธุรกิจนี้ให้กับคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ซึ่งคุณหญิงกอแก้วได้ซื้อบริษัทนี้ไปและจ่ายเงินให้กับบริษัทของตน
โดยวันที่คุณหญิงซื้อ คุณหญิงขอให้มีตัวแทนมาถือหุ้นแทนคุณหญิง ตนจึงขอให้คุณพ่อมาเป็นตัวแทนของคุณหญิง คุณพ่อก็ยินดี จึงมีการทำหนังสือแต่งตั้งตัวแทนขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เรื่องแต่งตั้งตัวแทนคนที่ทราบเรื่องคือตน คุณพ่อ คุณหญิง และทนาย แต่พี่น้องไม่ทราบเพราะไม่ได้ลงทุนด้วย

ยืนยันหลักฐานทางการเงินอย่างชัดเจน ซึ่งเอกสารเกี่ยวกับการซื้อหุ้นและการแต่งตั้งตัวแทน รวม 5 ฉบับได้ทำขึ้นในปี 2559 และ 2560 ซึ่งในขณะนั้นตนได้ขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อในการขอยืมชื่อสำหรับโอนเอกสารเท่านั้น โดยท่านไม่ต้องมีภาระในการชำระค่าหุ้นใดๆ
วันนี้ตนนำคลิปเสียงการพูดคุยมาเปิด ซึ่งเป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล อยู่ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2561 คลิปเสียงที่ประชุมวันนั้นเกิดขึ้นที่บ้านคุณหญิงกอแก้ว มีคุณพ่อ พี่กฤษณ์ น้องกรณ์ ณรงค์เดช มีตนและดาว ภรรยา รวมถึงคุณณัฐวุฒิ ซึ่งเป็น CFO บริษัทอยู่ด้วยและอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากการทำเอกสารที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมถึง 2 ปี และมีเสียงคุณพ่อยอมรับว่าเซ็นเอกสารชัดเจน
โดยคลิปเสียงที่นำมาเปิด คุณพ่อ คือ ดร.เกษม พูดว่า “อยากรู้เหมือนกันว่าหุ้นฉันมาได้ยังไง เพราะฉันก็ไม่รู้ ฉันมีหน้าที่อย่างเดียวคือถึงเวลาเซ็นขายก็เซ็น เซ็นให้เซ็นไปเรื่อยๆ ฉันถึงบอกว่าตอนหลังบอกไม่เอาแล้วเว้ย ดึกๆ ดื่นๆ ฉันจะต้องนั่งเซ็นไอ้นี่ให้เขา เพราะฉะนั้นเอาคืนไปหมดดีกว่า” ซึ่งในคลิปนี้ณพอธิบายว่า อย่างที่บอกว่าตอนที่คุณหญิงซื้อหุ้นจากตนไป มีการขอคุณพ่อเป็นตัวแทนถืออยู่ และมีการโอนผ่านไปยังบริษัทหนึ่ง และโอนคืนให้คุณหญิง การที่คุณพ่อบอกว่าเซ็นอุตลุด ไม่อยากเซ็นแล้ว เอากลับคืนไป เป็นเหตุการณ์ในปี 2561 วันนั้นบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี มีแพลนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงมีความจำเป็นต้องเปิดเผยชื่อเจ้าของหุ้นตัวจริงคือคุณหญิง และคุณพ่อเองก็เบื่อเซ็น จึงโอนคืนกลับไปให้ ตนยืนยันว่า ตนเองลงทุนมาตั้งแต่ปี 2558 และคุณหญิงกอแก้วเป็นผู้รับซื้อหุ้น และเป็นเจ้าของต่อในปี 2559 มีเส้นเงินที่ชัดเจน ในเมื่อเราเป็นเจ้าของอยู่แล้ว จะปลอมเอกสารไปเพื่ออะไร ส่วนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีแพ่ง ศาลก็ระบุว่า ส่วนที่โจทก์ทั้งสองอ้างว่าตระกูลณรงค์เดชเป็นผู้ชำระค่าหุ้น ตามคำเบิกความของทั้งสองกลับไม่ปรากฏหลักฐานการชำระเงินที่ชัดแจ้งว่าเป็นการชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าวโดยตรง
เอกสารการโอนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนายเกษมทั้งหมดเป็นเอกสารปลอมนั้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่านายเกษมเคยยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ว่าหุ้นดังกล่าวเป็นของนายเกษมตามสัญญาโอนหุ้น เมื่อ 25 เม.ย. 2559 จึงไม่น่าเชื่อว่านายเกษมจะฟ้องร้องเพื่อบังคับตามเอกสารที่ตนเองรู้ว่าไม่ได้จัดทำขึ้น หากนายเกษมมีสิทธิ์ในหุ้นดังกล่าวตามกฎหมาย นายเกษมสามารถจัดสรรปันส่วนหุ้นให้แก่บุตรแต่ละคนได้ตามความประสงค์
สำหรับในเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่ตนเจอมาว่ามันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อ วันที่คุณพ่อแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ มีการแจ้งความที่บ้าน ตำรวจไปที่บ้าน คนที่ไปรับแจ้งความเป็นตำรวจระดับ พ.ต.อ. ท่านหนึ่ง ซึ่ง ณ เวลานั้นดำรงตำแหน่งผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ก็คงต้องฝากถึง ผบ.ตร. ว่าปกติตำรวจมีบริการรับแจ้งความที่บ้านด้วยหรือ และในระบบที่ลงบอกว่าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ
หลังจากรับแจ้งความ สน.ทองหล่อ ได้ส่งเอกสารตัวจริงจากคุณหญิงไปตรวจพิสูจน์ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน โดยใช้เวลาออกผลตรวจภายใน 24 ชั่วโมง ก็อยากถามผู้เกี่ยวข้องว่า มีคดีใดบ้างที่สามารถออกผลตรวจได้ภายใน 24 ชม.
โดยที่ผ่านมาตนพบว่ามีทั้งอัยการมีการเข้าออกบ้านของพี่ชายและน้องชายตนหลายครั้ง ซึ่งตนได้ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่ปี 2565 จนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบว่าผลเป็นอย่างไร เพราะว่ามีพยานหลักฐานค่อนข้างเยอะที่มีคนส่งมาให้ว่ามีการเข้าออกบ้านหลายครั้ง มีการพบปะกันที่ร้านอาหาร ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของ ป.ป.ช.
นอกจากนั้นตนยังได้ร้องเรียนต่อ ก.ต. ในปี 2565 เรื่องอธิบดีผู้พิพากษาเข้าออกบ้านคู่ความ คือบ้านพี่ชายและน้องชายตน รวมถึงเรื่องรองอธิบดีสั่งสำนวนที่ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ตนทราบข่าวจากสื่อว่ามีการชี้ว่ามีการผิดวินัยร้ายแรง แต่ปัจจุบันนี้สถานะเป็นยังไงตนไม่ทราบ และเมื่อต้นปีตนได้ทราบจากสำนักข่าวอิศราว่ามีการเสนอสินบน 100 กก. เกิดขึ้น จึงต้องไปแจ้งความที่กองปราบถึงเรื่องนี้
สำหรับประเด็นคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ณพตั้งข้อสงสัยว่าทำไมศาลจึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้โจทก์ถึง 100% ทั้งที่โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของเพียง 49% และคำสั่งนี้ยังคงอยู่ แม้โจทก์จะแพ้คดีทุกข้อหาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว แต่ยืนยันว่ายังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมที่จะต่อสู้ตามช่องทางกฎหมายที่มีอยู่
นอกจากนี้กรณีที่ตนโดนกล่าวหาว่าเป็นลูกอกตัญญู เอาของพ่อไปให้แม่ยาย เห็นครอบครัวคนอื่นดีกว่าตัวเองยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งข้อเท็จจริงที่เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น ต้องเรียนว่าคุณหญิงเป็นคนลงทุน วันนี้มีคนจะมาขโมยของของคุณหญิง ตนในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง คุณหญิงเข้ามาช่วยเหลือตนในวันที่ยากลำบาก เสียทั้งเงินและชื่อเสียง โดนสังคมประณาม ตนมีหน้าที่แถลงข้อเท็จจริงให้ทุกคนทราบ นอกจากนั้นตนเองตนก็ทราบว่าในสื่อก็ว่าตนว่าเป็นลูกกตัญญูซึ่งเชื่อว่าทุกคนนั้นรักคุณพ่อของตัวเอง ซึ่งตนเองก็รักคุณพ่อของตนเช่นกัน และหลายๆ ก็มีลูกตนเองก็รักลูกของตนการที่มีปัญหากันแล้ว ไม่ให้หลานเข้าไปพบคุณปู่ต้นในฐานะพ่อรู้สึกแย่อย่างมากและรู้สึกผิดอย่างมากเหมือนกันที่ดูแลลูกไม่ได้วันนี้ตนก็ขออนุญาตอยากให้ทุกท่านทราบว่าตนเองลำบากเหมือนกันเวลาที่ที่จะต้องไปเจอกับคุณพ่อรวมถึงหลานเองก็ลำบากเช่นกัน ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งตนนั้นได้มีโอกาสได้เจอคุณพ่อตามงานซึ่งคุณพ่อได้ถามตนว่าตนหายไปไหนมา
ตนยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคุณพ่อของตนนั้นสุจริตแต่มีบางคนที่ต้องการจะยืมมือของคุณพ่อนั้นมาใช้เป็นเครื่องมือวันนี้ตนกำลังตรวจสอบเรื่องของสุขภาพของคุณพ่อซึ่งตนมีความเป็นห่วงอย่างมากเพราะตนทราบว่าคุณพ่อมีปัญหาเรื่องความจำและมีปัญหาเรื่องสมองยอมรับว่ากังวลมากในขณะที่ตนกำลังหาข้อมูลตรงนี้และตนเองก็ทำธุรกิจโรงพยาบาลอยู่ด้วย ตนยอมรับว่าตนรู้สึกเป็นห่วงว่าคุณพ่อนั้นมีหลายโรคมากตนขอฝากไปถึงคนที่ใช้ประโยชน์นี้ว่าอย่าเอาคุณพ่อมาเป็นตัวประกันเอามาสร้างภาพทุกคนรักคุณปู่ทุกคนเป็นห่วงและกังวลขอย้ำว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ตนสามารถที่จะพูดออกมาเป็นความรู้สึกได้ยากมากเพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่เก็บไว้หลายปีเพราะด้วยความรักและความเป็นห่วงคุณพ่อแต่วันนี้ตนมีความจำเป็นที่จะต้องมาพูด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนโดนกล่าวหามาโดยตลอด
สำหรับสภาพจิตใจของคุณหญิงกอแก้วแล้วก็ลูกชายของตัวนั้นเป็นอย่างไรบ้างหลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งสภาพจิตใจตอนนี้ลึกลึกแย่แต่ ด้วยความที่คุณหญิงก็แก้วเป็นเสาหลักของที่บ้านก็คงไม่แสดงออกทุกคนแย่หมดตนทราบลูกชายผมก็แย่และตนคิดว่ามันไม่แฟร์เลยสำหรับลูกชายของตนที่ต้องมารับรู้เรื่องแบบนี้ตลอดระยะเวลาหกเจ็ดปีที่ผ่านมาต้องรับแรงกดดันและในหลายหลายเรื่องตนก็บอกเขาว่าจริงๆในโลกของเราแน่นอนว่าโลกที่ เพอร์เฟคเป็นคนที่มีความยุติธรรมแต่โลกในความเป็นจริงนั้นมันโหดร้ายนี่ขนาดเราเป็นแบบนี้เรายังโดนรังแกขนาดนี้ถ้าเป็นประชาชนคนทั่วไปป่านนี้ไม่ตายไปแล้ว ย้อนกลับไปกรณีที่ตำรวจมาที่บ้านคุณพ่อแล้วมีการพิสูจน์หลักฐานภายใน 24 ชั่วโมงต้องมีคณะกรรมการด้วยอีกสองท่านซึ่งทุกวันนี้ตนยังไม่ทราบอีกสองท่านเป็นใครถ้าไปดูระเบียบของ พิสูจน์หลักฐานแค่ลงสารบัญยังไม่ได้เลยตนก็ไม่แน่ใจว่ามีใครที่มีอิทธิพลหรือว่าคนที่ตรวจเป็นเด็กของใครที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อันนี้ตนก็คงต้องฝากทุกคนเคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้หรือไม่แล้วในอาทิตย์หน้าตนจะไปยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกับผบ.ตร
ย้ำว่าสำหรับเรื่องครอบครัวตนไม่อยากจะพูดตั้งแต่ตอนแรกเพราะว่าเรื่องครอบครัวนั้นมันเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนและเชื่อว่าทุกครอบครัวนั้นมีปัญหาเหมือนกันหมดแต่ว่าจะมีปัญหามากหรือว่ามีปัญหาน้อยเท่านั้นเอง ซึ่งแต่ละ คนก็จะมีวิธีการแก้ไขปัญหาที่ไม่เหมือนกัน
โดยหลังจากที่จบการแถลงข่าวลูกชายของคุณณพได้สวมกอดคุณพ่อและให้กำลังใจคุณพ่อ
by TVPOOL ONLINE