เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เป็นที่รู้กันว่าเมื่อครั้งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งยังทรงพระชนม์ พระองค์ท่านทรงงานหนักเพื่อประเทศของเรา สร้างแรงบันดาลใจให้ชาวไทยทำความดี เป็นคนดี และพอใจในสิ่งที่เรามี พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบของเราชาวไทย สมบูรณ์แบบจนพวกเราแทบลืมไปแล้วว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานด้วยพระเนตรเพียงดวงเดียว

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระเนตรเทียมข้างขวา (มีพระเนตรข้างซ้ายปกติเพียงข้างเดียว) ทรงงานมาตลอดระยะเวลา 60 ปี สาเหตุของการสูญเสียพระเนตรมาจากอุบัติเหตุรถยนต์ Fiat Topolino ณ ที่แห่งหนึ่งใกล้ๆ เมืองโลซานน์

พระราชรถในอุบัติเหตุ
รถยนต์ที่ท่านทรงใช้ประทับขับก็คือ Fiat 500 Topolino ซึ่งมีความเร็วสูงสุด 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Topolino ในภาษาอิตาลีแปลว่า Little Mouse ที่มาของชื่อเจ้าหนูน้อยนี้มาจากครื่องยนต์ที่เล็กจิ๋วเพียง 500 cc ที่ยุโรปรถ Fiat 500 ยังเป็นที่นิยมกันจนถึงปัจจุบัน เพราะด้วยความเล็กกะทัดรัดของตัวรถและเครื่องยนต์ การทำประกันรถคันนี้ก็ราคาสบายกระเป๋าเพราะว่าเครื่องยนต์ที่เล็ก แต่ถ้าอยู่ในเมืองไทย ดูตามตารางแบ่งกลุ่มรถยนต์แล้วรถรุ่นนี้ราคาประกันไม่สบายกระเป๋าเลยครับ เพราะเป็นรถนำเข้า อะไหล่แท้ต้องสั่งมาจากอิตาลีเท่านั้น
อุบัติเหตุครั้งนั้น

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2491 รถยนต์ตอนเดียวเล็กๆ คันหนึ่ง แล่นอย่างรวดเร็วตามถนนผ่านเมืองมอร์จมุ่งสู่นครเจนีวา โดยผู้ขับมิได้คาดการณ์ว่า รถบรรทุกที่อยู่ข้างหน้าจะหยุดอย่างกะทันหันเพื่อมิให้ชนผู้ขี่จักรยานสองคนบนถนน แม้ผู้ขับรถยนต์คันเล็กจะเหยียบห้ามล้อทันควันก็ช่วยอะไรไม่ได้ เสียงห้ามล้อดังสนั่น แล้วรถยนต์คันเล็กก็ปะทะท้ายรถบรรทุกเข้าอย่างจัง ผู้ขับรถยนต์คันเล็กนั้นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงได้รับบาดแผลฉกรรจ์ที่พระเนตรข้างขวา ผู้โดยเสด็จในรถพระที่นั่งคือ นาย อร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ได้รับบาดเจ็บกะโหลกศีรษะร้าว
ถึงแม้พระองค์ทรงสูญเสียพระเนตรด้านขวา แต่สายพระเนตรกลับกว้างไกล
จากอุบัติเหตุครั้งนั้น พระองค์ทรงพักฟื้นและกลับมาทำหน้าที่ปกครองประเทศไทยของเราอย่างดีที่สุด ถึงแม้พระองค์จะทรงมีพระเนตรเพียงข้างเดียว แต่สายพระเนตรของพระองค์นั้นกว้างไกลนัก ทั้งพระราชกรณียกิจต่างๆ เราต่างก็รู้ว่าสายพระเนตรของท่าน เห็นถึงพวกเราชาวไทยทุกคน ไม่ว่าเราจะอยู่ภาคใด จังหวัดใด พระองค์ทรงไม่ทอดทิ้งเราหากเราลองใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นปิดตา แล้วจะรู้ว่ายากเพียงใดที่จะทำงาน “นั่นคือความเสียสละอันยิ่งใหญ่เพื่อราษฎรที่รักยิ่งของพระองค์”

เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่าไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราจะลำบากแค่ไหน เราก็ต้องทำทุกวันของเราให้ดีที่สุดเพื่อตัวของเราเองและเพื่อทุกๆ คน เอา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ของเราเป็นแบบอย่าง ไม่ว่าเจอเหตุการณ์ใดก็ไม่ท้อย่อ ก้าวข้ามผ่านปัญหาไปอย่างกล้าหาญ

คนๆนึงทำเพื่อประชาชนมาหกสิบเจ็ดสิบปีด้วยพระเนตรเพียงข้างเดียว ไปมาทุกที่ในประเทศ ยิ่งกันดารท่านยิ่งไป ยิ่งแร้นแค้นท่านยิ่งต้องไป โครงการเพื่อคนไทยสี่พันกว่าโครงการออกมาได้
ด้วยเพราะเนตรที่ยาวไกลแม้เพียงทางกายจะมีพระเนตรดวงเดียว

ที่มา – frank.co.th , Siwarut Jaruthitinun