(5 พ.ย. 59) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.ท.ปองคุณ ทองบัว รอง สว.(สอบสวน) สน.โคกคราม รับแจ้งเหตุมีผู้นอนเสียชีวิตหลายราย ภายในรถยนต์แท็กซี่ เหตุเกิดภายในปั๊มแก๊สแอลพีจี ชื่อพีเอพีแก๊ส ตั้งอยู่ถนนรามอินทรา กม.8 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณด้านข้างคาร์แคร์ พบรถยนต์แท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรลล่า สีชมพู ทะเบียน ทม 7098 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องยนต์อยู่ โดยกระจกบานซ้ายข้างคนขับแง้มเปิดออกเล็กน้อย และยางล้อรถฝั่งขวาด้านหลังแบน ตรวจสอบภายในรถพบผู้เสียชีวิต 3 ราย ที่เบาะนั่งฝั่งคนขับ พบศพนายคฑาวุธ ใจน้อย อายุ 26 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด สภาพนอนตะแคงข้างคว่ำหน้า สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์ บริเวณเบาะหน้าข้างคนขับพบศพ น.ส.จันทิมา งามบุษกรโสภณ อายุ 33 ปี ชาว จ.เชียงราย สภาพนอนเอนเบาะ น้ำลายฟูมปาก สวมชุดดำ และเบาะหลังพบศพ น.ส.รัตนา เด่นวิภัยพนา อายุ 33 ปี ชาว จ.เชียงราย สภาพนอนเหยียดตรง น้ำลายฟูมปาก โดยทั้งหมดไม่พบบาดแผลและไม่มีทรัพย์สินสูญหายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.อุดร วงษาลี อายุ 39 ปี พนักงานล้างรถภายในปั๊มดังกล่าวให้การว่า ปกติจะมีรถแท็กซี่เข้ามาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุอยู่เป็นประจำเนื่องจากเป็นที่มืด ไม่มีแสงไฟส่องสว่าง ก่อนเกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ขณะที่ตนกำลังจัดร้านเพื่อให้บริการลูกค้าตามปกติ พบรถยนต์แท็กซี่คันเกิดเหตุจอดติดเครื่องยนต์อยู่ สักพักเจ้าของปั๊มได้เดินไปเคาะเรียกที่กระจกรถเพราะคาดว่าจะมาจอดนอนรอเพื่อจะล้างรถ แต่เคาะเรียกอยู่นาน ผู้ที่อยู่ภายในรถก็ไม่ยอมตอบสนอง กระทั่งหันไปพบผู้หญิงนอนน้ำลายฟูมปากไม่หายใจ เห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ก่อนจะพบว่าทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ศราวุธกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าคนขับรถคันเกิดเหตุเข้ามาจอดนอนติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงประมาณ 03.00 น. ซึ่งคาดว่าเหน็ดเหนื่อยระหว่างการเดินทาง โดยสภาพศพทั้งสามไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายและไม่มีทรัพย์สินสูญหายแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุของการเสียชีวิตเกิดจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ เนื่องจากตามตัวผู้เสียชีวิตมีรอยช้ำคล้ายผู้สูดดมก๊าซเกินขนาด แต่ก็ไม่พบว่าถังแก๊สที่ติดอยู่ภายในรถมีรอยรั่วซึม หลังจากนี้จะนำรถส่งไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมทั้งนำร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนส่งมอบให้ทางญาตินำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
ที่มา – matichon.co.th
