เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

        สวัสดีค่ะวันนี้ เจ๊ขอนำเสนอสูตรอาหารเพื่อการลดแบบด่วนจี๋ 3.5-5.5
กิโลกรัม ภายใน 14 วัน
ให้คุณหุ่นเป๊ะทันตาเห็นผลทันใจไปเลย โดยสูตรนี้ปรับใช้ได้ตลอด
จะกินแบบนี้ไปสักเดือนก็ไม่มีอันตรายอะไร




       มื้อเช้า

ตลอด 14 วันที่คุณตั้งใจว่าจะต้องผอมให้ได้นี้ ขอให้กินมื้อเช้าเป็นผักสด
ผลไม้สด และน้ำผลไม้ เพราะเป็นอาหารที่ย่อยได้ง่ายที่สุด ทั้งยังมีไฟเบอร์เยอะจึงช่วยให้คุณอิ่มนานและดีต่อการลดน้ำหนักที่สุด


       มื้อสาย

ยิ่งคุณพยายามอดอาหารคุณก็จะยิ่งหิว สุดท้ายก็ทนไม่ได้ แล้วก็กลับมากินมากกว่าเดิมเสียอีก
ดังนั้น พอสาย ๆ สักหน่อยให้กินถั่วอบไม่ใส่เกลือ มะเขือเทศราชินี
หรือไม่ก็เบบี้แครอทสด ๆ สักหน่อย ก็จะช่วยคลายความอยากอาหารลงได้


       มื้อเที่ยง

โยนพวกข้าวขาวหรือขนมปังขาวลงถังขยะไปได้เลย เพราะคาร์โบไฮเดรตที่ขัดสีพวกนี้มีคุณค่าทางโภชนาการน้อย
แล้วยังให้พลังงานแค่ในช่วงสั้น ๆ เดี๋ยวคุณก็หิวอีกแล้ว ให้เลือกกินเป็นขนมปังโฮลวีทสักแผ่น
หรือข้าวกล้องหนึ่งทัพพี กับรายการอาหารต่อไปนี้หนึ่งอย่าง อ้อ! แล้วอย่าลืมปิดท้ายด้วยสลัดผักสักถ้วยด้วยนะ
• เกาเหลาเนื้อ/ไก่/ลูกชิ้นหมู          • แกงจืดตำลึงเต้าหู้หมูสับ
• แกงเลียงกุ้งสด                         • แกงส้มปลา
• ต้มยำปลาน้ำใส

       มื้อบ่าย

การกินอะไรสักหน่อยทุก ๆ สองถึงสามชั่วโมง นอกจากจะทำให้เราไม่รู้สึกหิวมากจนซัดมื้อหลักอย่างไม่ยั้งคิดแล้ว
ยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการเผาผลาญตลอดทั้งวัน และลดน้ำหนักได้มากขึ้น แต่ช่วงบ่าย
ๆ อย่างนี้กินอะไรหนักท้องเกินไปก็ไม่ดี ลองเลือกหยิบพวกมัลติเกรน สแน็ก
หรือธัญพืชอบกรอบขึ้นมากินสักห่อสิ (ห่อเล็ก ๆ ก็พอนะ ถึงจะเป็นธัญพืชแต่ถ้ามากเกินไปก็ทำให้คุณอ้วนขึ้นได้เหมือนกัน)


       มื้อเย็น

หลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป อย่าได้ยอมให้คาร์โบไฮเดรตทุกประเภทเข้าสู่ร่างกายคุณเป็นอันขาด
เว้นเสียแต่หลังอาหารเย็น คุณจะออกกำลังกายอย่างหนัก ชนิดที่มั่นใจว่าเผาผลาญพลังงานที่คุณกินเข้าไปจนหมดเท่านั้น
พยายามกินเป็นพวกสเต็กปลา ปลานึ่ง อกไก่ย่างเลาะหนังออก หรือยำกุ้งสดเผ็ด ๆ คู่กับสลัดผักชามใหญ่
หรือส้มตำสักจาน


Diet Tips:

ออกกำลังให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน ยิ่งถ้าออกกำลังตอนเช้า ไขมันของคุณจะถูกเผาผลาญได้เร็วสุด ๆ
ไปเลย ดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องทุกสองถึงสามชั่วโมง
จะช่วยให้กระบวนการเผาผลาญไขมันที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ดีขึ้น