เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
        ไม่จบไม่สิ้นกลายเป็นซีรีส์เรื่องยาวต่างฝ่ายต่างออกมาแฉ เอ้ย! ออกมาโต้ตอบกันผ่านสื่อ เรื่องของการปิดกิจการธุรกิจที่ทำร่วมกัน จนไม่รู้ว่าใครพูดจริงหรือเท็จกันแน่ ระหว่างสองนางแบบสาว “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” กับ “โย-ยศวดี หัสดีวิจิตร” 
        โดยก่อนหน้านี้ “สาวบี” ได้หอบหลักฐานออกมาชี้แจงถึงความเป็นมาของปัญหาธุรกิจทั้งหมด พร้อมพูดทิ้งบอมบ์ไว้ให้คิดถึงปมปัญหาหนี้ก้อนโตเป็นจำนวนเงินถึง 9 แสนบาท งานนี้ร้อนถึง “สาวโย” ที่อดรนทนไม่ไหวเลยต้องขอตั้งโต๊ะแถลงโต้กลับ “สาวบี” ทันที เอ้า! เธอจะว่าไงไปดูคะ
Q: วันนี้ ‘โย’ อยากพูดอะไรบ้างคะ
โย: “เรื่องแรกคือเรื่องที่คุณบีคิดว่าโยดิสเครดิตเขาในคำสัมภาษณ์ของโยครั้งที่แล้วที่เกี่ยวกับการลงทุน คำว่าหุ้นลมหรือจ้างเป็นพรีเซนเตอร์ ไปดูให้ดีนะคะ โยไม่เคยพูดคำว่าหุ้นลม และไม่เคยพูดว่าจ้างเป็นพรีเซนเตอร์ สิ่งที่นำมาวันนี้เป็นเอกสารการเงินตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เราทำ จนถึงสัปดาห์สุดท้ายที่ปิดกิจการคือ 4 ต.ค. ในเอกสารทั้งหมดนี้สามารถบอกได้ว่ามีเงินลงทุนมาจริงหรือไม่ เงินก้อนแรกที่คุณบีบอกว่าลงทุนพร้อมกัน ต้องอธิบายว่าการเปิดบริษัทและการลงทุนมันจะมีมูลค่า 5 แสนหรือล้านนึง แต่ธุรกิจนี้ไม่มีนะคะ เงินลงทุนที่คุณบีเข้าใจเนี่ยอาจจะเป็นเงินลงทุนที่เราจ่ายมาตรงกลาง วันที่เราถ่ายแบบครั้งแรก เหมือนกับถ่ายแอดโฆษณา โย-บี ซึ่งมีเงินของคุณบี 43,000 บาท ของโย 69,000 บาท แค่นี้เท่านั้นนะคะ ที่บอกว่าเป็นเงินก้อน พอถ่ายแบบเสร็จเรียบร้อย เงินทั้งสองก้อนนี้ถูกคืนกลับสู่กรรมการ และไม่เคยได้รับเงินใดๆ อีกจนถึงวันสุดท้ายที่ทำธุรกิจ
คราวนี้จะพูดถึงเรื่องของลงทุน มันจะมีเงินลงทุนจริง เงินลงทุนหมุนเวียน โยมีเงินลงทุนหมุนเวียน 450,000 บาท และสามารถพิสูจน์ได้จากใบการเงินที่โยนำมา ถ้าคุณบีลืมหรือจำไม่ได้จริงๆ โยพร้อมให้คุณบีคุยตัวต่อตัว และการเงินที่คุณบีบอกว่าเป็นพรรคพวกเดียวกับโยเนี่ยจริงๆ เขาลาออกไปแล้วนะคะ พอปิดกิจการ โยได้เอาการเงินคนใหม่ สามารถพิสูจน์ได้ว่าเพิ่งทำงานไม่ถึง 3 สัปดาห์ เพื่อมาเช็คดูว่าสิ่งที่การเงินคนเก่าทำถูกต้องตามนี้จริงหรือไม่ ให้เป็นการแฟร์กับคุณบีมากที่สุดว่าไม่ใช่พรรคพวกของเรา (สรุปแล้วเงินก้อนแรกที่ลงทุนร่วมกันคือเงินถ่ายแบบโปรโมทธุรกิจ) ถูกต้องค่ะ ประมาณ 1 แสนนิดๆ ค่ะ
Q: แล้วเรื่องหนี้ 9 แสนบาทอธิบายให้ฟังหน่อยสิ
โย: “อย่างแรกคือใบที่คุณบีนำมาโชว์ต้องบอกว่าเป็นใบหนี้สินจริง มีชื่อระหว่าง ยศวดี หัสดีวิจิตร กับเชฟ แต่ทั้งนี้หนี้นี้เกิดขึ้นตามใบที่แจ้งคือเกิดขึ้นจริงในเดือน เม.ย. แต่เดือน มิ.ย. เป็นใบที่ทางเชฟเนี่ยได้ส่งมาให้โยในการทำสัญญาทั้งหมด คือคนทำธุรกิจจะบอกว่าไม่มีหนี้สินเลยเป็นไปไม่ได้ 
แต่หนี้นี้จะมาด้วยวิธีไหนวันนี้คุณบีทำให้คนสองคนลุกขึ้นมาไฟท์อีกรอบนึง แต่โยมั่นใจว่าเชฟเอง   เนี่ยก็ไม่อยากนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก ระหว่างทำธุรกิจอาหาร โยบอกเลยว่ามันมีปัญหาเยอะมาก ถ้าคนที่ได้อ่านจริงๆ จะรู้ว่าปัญหาที่เกิดมันมีอะไร เราแก้ไขกันกี่ครั้ง แต่นั่นคือปัญหาภายในบริษัท เพราะอะไรที่การจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ถึงช้า คุณบีก็ไม่ได้มานั่งประชุม ไม่ได้มารับรู้ถึงปัญหาที่เราแก้ไขจริงๆ บุคคลต่างๆ ที่คุณบีบอกว่าเป็นพรรคพวกเดียวกับโยนี่แหละค่ะที่ทำให้โย-บี ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ และผ่านมาได้กับเรื่องที่มันหนักๆ ที่ต้องแก้ไขต่างๆ
คราวนี้เกิดหนี้สินตรงนี้เพราะอะไร มีหนี้สินที่บิลไม่ได้ถูกชำระเพราะซัพพลายเออร์บอกว่าบิลนี้ถูกลืมมา 1 เดือนและเป็นบิลย้อนหลังมา ซึ่งปกติการจ่ายอาหาร โยจะจ่ายวีคเว้นวีค ซึ่งสมัยก่อนเขายังแอดวานซ์ได้ แต่เรามีปัญหากัน เป็นปัญหาที่ใหญ่ระบบที่เชฟเปลี่ยนคือเราต้องแอดวานซ์เงินก่อน เงิน 9 แสนที่คุณบีบอกว่าตั้งแต่วันแรก เราไม่ได้จ่ายซัพพลายเออร์เลย ไม่ใช่นะคะ เป็นเงินแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นในการปิดซัพพลายเออร์ ก็ลองคิดเอาเองว่าจำนวนจริงๆ ตั้งแต่ทำมาวีคแรกจนถึงวีคสุดท้าย ซัพพลายเออร์ทำเงินกับเราเท่าไหร่ หรือเราทำเงินกับซัพพลายเออร์เท่าไหร่ 
จริงๆ เรื่องเกิดขึ้นแค่ 3 สัปดาห์และมันถูกแก้ไขภายในระยะเวลาที่เหมาะสมไปแล้ว ปิดบัญชีหนี้สิน ไปแล้ว ตามที่คุณบีนำใบหนี้สินเก่าที่โมฆะขึ้นมาอีกรอบนึงโดยที่ไม่มีชื่อตัวเองอยู่ในนั้นจริงๆ เป็นเรื่องใหญ่นะคะ แต่เพราะเห็นว่าเป็นคุณบีถึงคิดว่าเราจะอธิบายตรงนี้ให้จบโดยไม่ให้เรื่องใหญ่ไปกว่านี้ นี่คือใบหลักฐานที่คุณเชฟขอละในเรื่องของชื่อ (โชว์หลักฐาน) บริษัทเดียวกันนะคะ 
ใบที่คุณบีถือเป็นชื่อคนเดียวกันจริง ในนี้แจ้งชัดเจนว่าเป็นวันที่ 15 ก.ย. เราได้ปิดทุกอย่าง ไม่มีหนี้สินใดๆ ถ้าจะบอกว่าเงิน 9 แสนที่โยโดนประณามอยู่ทั้งประเทศว่าเอาเงินเพื่อนไปรู้สึกยังไงบ้าง เห็นใจกันบ้างค่ะ อยากให้ดูชัดๆ อีกทีนึง”
Q: เรื่องไอจีที่ ‘บี’ บอกให้เราปิด แต่เราไปขายของ
ซะงั้น
โย: “การเปลี่ยนชื่อเนี่ยจริงๆ แล้วเป็นความเข้าใจผิดของทีมงานเพราะคิดว่าคุยกันแล้ว แต่โยก็บอกให้รีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เพราะตกลงกันไม่ได้ และขอให้ปิดโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกอย่างที่เป็นของโยบี แล้วเราก็บอกเขาอีกครั้ง เขาก็โอ.เค.ขอบคุณมากค่ะ โยคิดว่าจบแล้ว แต่ได้ฟังเขาพูดก็คิดว่าคงทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจริงๆ วันนี้ก็ถึงอยากบอกว่าพี่ขอโทษ (ร้องไห้) ยังยืนยันคำเดิมว่าวันนี้ยังรักบีและขอโทษจากใจ 
ส่วนอะไรที่ทำร้ายจิตใจคุณบีจริงๆ เราก็รู้สึกไปด้วย แต่อะไรที่คุณบีทำร้ายโย ก็อยากถามว่าบีรู้สึกอะไรบ้างมั้ย วันนี้ก็แค่อยากเคลียร์ว่าไม่ได้โกงใคร และขอโอกาสในสังคมในการทำธุรกิจต่อค่ะ แม้คำพูดทุกคำของบีในวันนี้ ลูกน้องทุกคนก็ยังยืนยันว่ายังรักคุณบีเหมือนเดิม เพราะรู้ว่ามันเป็นเรื่องของอารมณ์ แค่ขอให้คุณบีมาพูดแค่นั้นเอง”
ฟังทางฝ่าย “โย” ตอบคำถามเรื่องราวต่างๆแล้วจากนั้นอีกไม่กี่วันต่อมา เมื่อสาว “บี” ได้ไปเจอสื่อ ก็เลยขอซัดกลับมาบ้าง 
บี: “พูดตรงๆ คือบีไม่อยากใส่ใจแล้ว บีก็ยืนยันในสิ่งที่เราพูดว่า เราพูดตามความจริงที่เกิดขึ้น    ทุกๆ อย่าง เรื่องที่เขาบอกว่าบีเอาเรื่องหนี้ที่เป็นเรื่องเก่ามาพูดให้เขาเสียหาย ต้องย้อนกลับไปฟังใหม่นะคะว่าอะไรเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทุกอย่าง มันก็คือหนี้ตัวนั้นตัวเดียว ถูกมั้ยคะ”
Q: เขาบอกว่าอยากให้เราเข้าไปเคลียร์กับเขา 
บี: “เรื่องคุยกันตัวต่อตัวมันต้องคุยอยู่แล้ว เพราะเรายังไม่ได้เซ็นปิด ต้องรอดำเนินเรื่องก่อน ตอนนี้อยู่ในช่วงของการมอบอำนาจในการตรวจทานบัญชี”
Q: ที่เขาบอกว่า ‘บี’ ไม่เข้าใจบัญชีอันนี้ว่าไงดี
บี: “ก็แล้วแต่เขาจะพูด เพราะตอนนี้ใครจะพูดอะไรก็ได้ บียังไม่ได้มีการติดต่ออะไรกับเขา บีบอกตรงๆ ว่าไม่อยากยุ่งอะไรกับเขา แต่อีกไม่นานหรอกค่ะ บีว่า
สุดท้ายแล้วเรื่องมันเปิดเผยเดี๋ยวก็ได้รู้กันเอง บียังบอกไม่ได้ว่าจะไปเจอกันเมื่อไหร่ แต่บีชัดเจนว่าเราต่างคนต่างอยู่ก็จบ เรื่องส่วนตัวบีไม่อยากยุ่งกับเขา”
Q: แล้วที่ ‘โย’ บอกว่าเงินลงทุนก้อนแรกคือเงินค่าถ่ายโฆษณาล่ะคะ
บี: “ส่วนเรื่องเงินที่เขาบอกว่าที่บีจ่ายไปมันเป็นแค่ค่าถ่ายแบบที่ถ่ายกันไม่ใช่เงินทุนทำธุรกิจ คือต้องเข้าใจธุรกิจโมเดลก่อนว่า ธุรกิจโยบี คือการขายไปแล้วซื้อมา เรารับเงินลูกค้ามาก่อน และเราก็จ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เท่ากับว่าบริษัทเหลือเงินเท่านี้ บริษัทไม่ได้มีการลงทุน บีไม่อยากพูดเลยจริงๆ ค่ะ ถ้าได้ฟังสัมภาษณ์ของพี่โยเมื่อวาน พี่โยได้ให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า บริษัทรันเงินได้ดี ถ้ารันเงินได้ดีอยู่มาสี่เดือนที่ผ่านมา ทำไมเชฟถึงได้โทร.มาหาบีโดยตรงว่าเป็นหนี้เก้าแสน ต้องฟังเขาพูดดีๆ ที่บีพูดคือสี่เดือนที่ผ่านมา และเป็นสิ่งที่มันทำให้บีสงสัยว่าเรามีปัญหาเรื่องการเงินเหรอ 
เอาเป็นว่าบีไม่อยากพูดแล้ว แต่ความจริงคือความจริง ที่เขาบอกว่ายังรักบีเหมือนน้อง อันนี้บีไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรของเขาแล้ว เรื่องที่บอกว่าบีไม่เข้าดูบัญชีเอง ให้เขาอยู่คนเดียว คือมันไม่ใช่ ไม่มีใครไม่อยากดูหรอก แต่บีไม่ขอพูดอะไรดีกว่า จบก็คือจบ”
เรื่องนี้ดูท่าไม่จบลงกันง่ายๆ เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรคืบหน้าทีวีพูลจะรีบรายงานให้ทุกคนทราบคะ