เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

นาย”จอห์น แมคคิสซิก” (John McKissick) ผู้อำนวยการสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอชซีอาร์ ประจำเมืองค็อกซ์ บาซาร์ ซึ่งอยู่ติดพรมแดนเมียนมา เปิดเผยต่อสถานีโทรทัศน์บีบีซีว่า กองทัพเมียนมากำลังกวาดล้างชาวมุสลิมโรฮิงญาให้หมดไปจากประเทศด้วยวิธีที่เหี้ยมโหด

ทหารเมียนมาบุกสังหารประชาชน ใช้ปืนยิงไม่เลือกหน้า ไม่เว้นกระทั่งเด็กและหญิงตั้งครรภ์ ไม่เพียงเท่านั้น ยังรุมข่มขืนผู้หญิง ไล่เผาบ้าน ปล้นสดมภ์ และบังคับให้ประชาชนลงไปในแม่น้ำ เพื่อข้ามไปยังบังกลาเทศ จนถึงตอนนี้ สหประชาชาติเชื่อว่า มีชาวมุสลิมโรฮิงญากว่า 30,000 คนแล้ว ที่ต้องอพยพออกจากบ้านของตนเอง

ชาวมุสลิมโรฮิงญาคนหนึ่งเล่าว่า ในหมู่บ้านของเขาเพียงแห่งเดียว กองทัพเมียนมาได้สังหารประชาชนไม่ต่ำกว่า 300 คนแล้ว รุมข่มขืนผู้หญิงหลายสิบคน เผาบ้านเรือนวอดหลายร้อยหลัง ไม่เพียงเท่านั้น ทหารเมียนมายิงสังหารภรรยาของเขาที่ตั้งครรภ์ 7 เดือนเอง ส่วนบุตรชายอายุ 2 ขวบ บาดเจ็บจากปลอกกระสุนไรเฟิล เขาต้องขายนาฬิกาและรองเท้า เพื่อหาค่าใช้จ่ายเดินทางเข้ามาลี้ภัยในบังกลาเทศ ซึ่งปัจจุบัน มีชาวโรฮิงญาหลายแสนคนลงทะเบียนลี้ภัยอยู่มานานหลายสิบปีแล้ว

รัฐบาลบังกลาเทศพยายามต้านทานกระแสกดดันจากประชาคมโลก ที่เรียกร้องให้เปิดพรมแดนช่วยเหลือชาวโรฮิงญา เพราะเกรงว่าหากเปิดพรมแดนแล้ว จะก่อให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรม เนื่องจากจะทำให้กองทัพเมียนมาพยายามขับไล่ให้ชาวโรฮิงญาเข้ามาในบังกลาเทศมากขึ้น ขณะที่ เชื่อว่าตอนนี้ มีชาวโรฮิงญาหลายพันคนที่ปักหลักอยู่บริเวณพรมแดนติดกับบังกลาเทศ เพื่อรอโอกาสลี้ภัยเข้าเมือง ล่าสุด รัฐบาลบังกลาเทศได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศเข้าพบ เพื่อแสดงความวิตกต่อวิกฤตการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว

ที่มา – springnews