เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 30 พฤศจิกายน น.ส.นราวดี ประไพเดชากุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี ได้พบ ด.ช.จารุกิตติ์ (นามสมมุติ) หรือน้องเฟิร์ส อายุ 10 ปี ถูกทำร้ายร่างกายและยังถูกข่มขู่ไม่ให้ไปโรงเรียน จึงได้นำตัวน้องเฟิร์สและยายคือ นางอำไพ เรียงภะวา อายุ 47 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.อุดรธานี แต่มาพักอาศัยที่หมู่บ้านวังตะโก ต.หนองข้างคอก อ.เมือง จ.ชลบุรีกับน้องเฟิร์ส จึงได้พามาที่ สภ.เสม็ด เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่ทำร้ายร่างกายน้องเฟิร์ส
จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า น้องเฟิร์สเป็นคนชอบทำงานและต้องการช่วยเหลือตัวเอง และเงินส่วนหนึ่งก็จะแบ่งให้ยายใช้ และการไปทำงานในครั้งนี้ได้มีช่างสีเป็นชายทำงานอยู่ที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในตลาดหนองมน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี มาชักชวนหลังจากนั้นได้หนียายไปทำงานขัดสีรถ และทำงานจนกระทั่งเวลา 22.00 น.น้องเฟิร์สจึงได้บอกช่างสีว่าต้องการกลับบ้าน เพราะต้องไปเรียนหนังสือ สร้างความไม่พอใจให้กับช่างสีคนดังกล่าว จึงใช้มือตบไปที่แก้มด้านซ้ายอย่างแรงจนบวมเปล่ง น้องเฟิร์สจึงได้พยายามติดต่อกับยายโดยใช้โทรศัพท์ แต่ยายไม่สามารถไปรับได้เพราะไม่รู้ว่าทำงานอยู่ที่ไหน น้องเฟิร์สจึงวิ่งหลบหนีออกจากอู่ โดยมีช่างสีวิ่งตาม แต่หลบหนีออกมาได้ หลังจากนั้นได้เจอพลเมืองดีพาไปส่งถึงบ้าน
ทางด้าน นางอำไพ เรียงภะวา ยายของน้องเฟิร์ส กล่าวว่า ได้เลี้ยงดูน้องเฟิร์สมาตั้งแต่คลอด เพราะแม่มาคลอดที่โรงพยาบาลชลบุรี และพ่อแม่ได้แยกทางกันวันนั้น จึงได้เลี้ยงดูน้องเฟิร์สตลอดมา ซึ่งน้องเฟิร์สเป็นคนชอบทำงาน ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมีรายได้จากการทำงานวันละ 10-20 บาท ยังให้ไว้ 20 บาทเลย ทั้งที่ตนเองได้บอกตลอดเวลาว่าเลี้ยงหลานได้ แต่ก็ไม่ยอมจึงหนีออกไปทำงาน ก็ไม่รู้ว่าไปทำงานที่ไหน จนกระทั่งโทรศัพท์มาบอกว่าให้มารับกลับบ้านที แต่ก็ไปไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่าไปทำงานที่ไหน และเสียงช่างสีที่ได้ยินในโทรศัพท์ยังได้มีการข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายน้องเฟิร์ส และจะตามไปที่โรงเรียนอีก ทำให้น้องเฟิร์สไม่กล้าไปโรงเรียน หลังจากนั้นได้หลบหนีออกมาจากอู่ซ่อมรถ จนกระทั่งมีผู้ใจดีนำตัวมาส่งถึงบ้านได้ปลอดภัย
“การที่ต้องมาแจ้งความ สภ.เสม็ด เพราะกลัวจะมาทำร้ายหลานตัวเอง อยากให้ตำรวจช่วยเหลือ แต่ตำรวจได้แนะนำว่าจะต้องไปแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุคือ สภ.แสนสุข แต่วันนี้หลานชายมีอาการคลื่นไส้เหมือนจะอาเจียนคงต้องพาไปหาหมอก่อน และรอแม่น้องเฟิร์สที่จะเดินทางมาจาก จ.อุดรธานีไปแจ้งความอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 1 ธันวาคม” นางอำไพกล่าว