หนุ่มเจ้าของลัมโบร์ โดนเว็บปลอมใส่ร้ายโชว์หลักฐานความจริง ลั่นแจกเงินหมื่นให้ผู้พบคนโพสต์-แชร์ให้ร้ายตน
จากกรณีในโลกโซเชียลมีการเผยแพร่ รูปภาพและเหตุการณ์ ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ เป็นเอก ซังปาน เจ้าของซูเปอร์คาร์ลัมโบว์กินี ถูกพ่อค้าปลานึ่งขับรถปิกอัพชนท้าย ตรวจสอบพบว่ารถกระบะดังกล่าวไม่มีประกัน ซึ่งคนขับรถกระบะ เผยว่ามัวแต่ชื่นชมรถหรูจึงชนท้ายในที่สุด ด้านพ่อค้าขายปลานึ่งรายนั้นขอชดใช้โดยการผ่อนเดือนละ 3,000 ครับ 10 เดือน โดยเจ้าของซูเปอร์คาร์ลัมโบว์กินีบอกไม่เป็นไรเพราะเอาเงินที่จะผ่อนคืนให้เดือนละ 3,000 บาทไปทำบุญ
หลังจากเรื่องนี้ออกมาในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตมีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นการสร้างภาพหรือไม่ จนเฟชบุ๊กดังกล่าวต้องออกมาชี้แจง
จนกระทั่งล่าสุด วันนี้ 28 พ.ย. 2559 เฟชบุ๊กดังกล่าวออกมาชี้แจงอีกครั้ง ใจความว่าอยากวิงวรให้สังคมโลกออนไลน์ ช่วยกันสร้างพื้นที่ให้คนทำดีได้มีที่ยืน และ อยากให้คนเข้าใจว่าตนไม่ได้สร้างภาพ สร้างกระแสหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะไม่มีความจำเป็น และเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงเลย โดนมีตำรวจ บุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นพยานได้ และยังมีบันทึกประจำวันที่ สน บางบัวทองเป็นหลักฐานยื่นว่าเหตุที่เกิดเป็นเรื่องจริง ทั้งนี้พร้อมมอบเงิน10,000 บาท จำนวน 100เคส เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,000,000 บาท แก่ผู้ที่พบเห็นคนที่แชร์เว็บไชต์ปลอม หรือใต้โพส โดยเป็นการให้ร้ายตน จำนวน 100 เคสแรกที่ทีมทนายคัดเลือกแล้วสามารถนำไปฟ้องหมิ่น คดีอาญา พรบ.คอมพิวเตอร์ได้ โดยข้อความระบุว่า …
“…ผมอยากขอวิงวอนให้คนไทยทุกคน
ช่วยอ่านขอความนี้เถอะครับ
(อยากให้อ่านให้จบ)
จากเหตุการณ์ที่มีเว็บข่าวปลอม ได้ลงข่าวกล่าวหาโจมตี หาว่าผมจัดฉากให้รถกระบะมาชนท้ายลัมโบร์กี่นี่ เพื่อสร้างภาพ สร้างกระแสหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ โดยไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
และอีกอย่างผมไม่ได้เป็นเจ้าของธุกิจขายตรง
ซึ่งตอนนี้มีกลุ่มคนบางส่วน ที่แชร์เว็บปลอมลงบนโซเชียล โดยไม่ได้เช็คข้อมูล พิมพ์ข้อความว่าร้ายผมต่างๆนานา ซึ่งความจริงได้ผ่านทางตำรวจพิสูจแล้วว่าเป็นความจริงวันมีทั้งอาสาสมัครและตำรวจอยู่ในเหตุการณ์ แถมยังมีคนผ่านมาในเหตุการณ์ถ่ายรูปส่งมาให้ครับ
(ผมถามจริงๆคนที่แชร์ไม่รู้หรอครับว่าเป็นเว็บปลอม เพราะมันมีอยู่เว็บเดียว ซึ่งเป็นไวรัสด้วย)
เหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้สึกว่าสังคมไทย กำลังหมดที่ยืนของคนที่กำลังพยายามให้อภัยกันและกัน พยายามทำความดี ผมเองทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ
แล้วไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องสร้างภาพ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เพราะธุรกิจที่ผมมีก็มั่นคงดีอยู่แล้ว และชีวิตผมก็มีความสุขดีอยู่แล้ว กินอิ่มนอนหลับ จึงไม่มีความจำเป็นใดๆทั้งสิ้นครับ (ผมเองก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร แค่อยากให้อภัยคนไทยด้วยกันแค่นั้นเอง)
ผมอยากถามสังคมว่า……ทุกคนในสังคมไทยจะยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคนที่ ทำความดี ที่ให้อภัยกับคนไทยด้วยกัน โดนทำร้ายจากสังคมโลกโซเชียล แบบนี้ !!จริงๆหรอครับ!! !!จริงหรอครับ!! เหตุการณ์แบบนี้จะต้องฆ่าคนดีๆ อีกสักกี่คนครับ
ผมเชื่อว่ามีพี่น้องหลายคน(ส่วนใหญ่)รู้ว่าเรื่องที่ผมโพสนั้นเป็นความจริง ผมขอขอบคุณจากใจสำหรับทุกกำลังใจนะครับ
ผมจึงอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องคนไทยออกมาช่วยกัน สร้างพื้นที่ให้กับคนดีได้มีที่ยืนเถอะครับ สอนบทเรียนให้กับคนที่ทำร้ายสังคมไทยด้วย เหตุการณ์นี้ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก จึงไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนอื่นอีกครับ
ผมขอเอาเคสของผมเป็นตัวอย่าง เพื่อเป็นมุมสะท้อนของสังคม และเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนไทยครับ
??????????????
เพื่อนๆคนไหนที่พบเห็นคนที่แชร์เว็บไชต์ปลอม หรือใต้โพสนั้น ซึ่งเป็นข้อความที่ดูแล้ว เป็นการว่าร้ายตัวส่อเสียดผมและธุรกิจของผม
ขอให้เพื่อนๆแคปหน้าจอมาโพสใต้ข้อความนี้ของผมได้เลยครับ
เคสไหนที่ทีมทนายผมคัดเลือกแล้วสามารถนำไปฟ้องหมิ่น คดีอาญา พรบ.คอมพิวเตอร์ได้
ผมจะขอมอบเงินให้
‼️10,000 บาท ‼️ให้กับทุกท่าน 100เคสแรกที่ทำคดีได้ เป็นเงินทั้งสิน ‼️1,000,0000 บาท‼️
มาช่วยกันครับ มาช่วยกันทำให้สังคมไทยน่าอยู่มากขึ้น (แคปมาเลยครับยิ่งเยอะยิ่งดี ผมมีทีมคัดกรองครับ)
ผมจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดไม่มีการยอมความแน่นอนครับ
ผมขอออกตัวก่อนนะครับ ที่ผมลงทุนเงินจำนวน 1,000,000 บาทนี้ ไม่ได้มีเจตนาใดๆทั้งสิ้น นอกจากต้องการความยุติธรรมให้กับตัวเองและสังคมไทย ขอบคุณพี่ๆทุกคนไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ
ปล.
ที่ทุกคเห็นผมทำบุญ ช่วยเหลือคนเยอะแยะมากมาย นั้น ผมไม่ได้มีเจตนาสร้างภาพแต่อย่างใดนะครับ เป็นเพียงเพราะคุณแม่ผมเพิ่งเสียไป ผมอยากสร้างบุญสร้างกุศลเพื่ออุทิศให้ท่าน เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ลูกคนเดียวคนนี้จะทำได้ครับ?
#จากคนไทยคนนึง
#ควรเช็คก่อนแชร์
#มาช่วยกันหยุดคนเหล่านี้กัน
#ให้เคสผมเป็นกรณีสุดท้ายเถอะครับ
#แขร์กีนไปครับคนไทยทั้งหลาย
5..4..3..2..1………..เริ่ม‼️…”
