ยุคนี้เป็นนางเอกจอแก้วอย่างเดียว ถือว่ายังดังไม่พอ ถ้าจะให้แน่จริงต้องถูกจีบไปเล่นหนังด้วยถึงจะเรียกว่าดังจริง ดูอย่างนางเอก 7 สี นี่แหละ ต้องบอกว่าหลายคนดังจริง เพราะได้มีโอกาสลองลิ้มชิมรสชาติการเป็นนางเอกหนังโรงมาแล้วทั้งนั้น
แต่ก็อย่างว่าเรื่องแบบนี้ ใช่ว่าไปแล้วจะมีโอกาสเปรี้ยงปร้างเหมือนกับการเป็นนางเอกจอแก้วที่มีฐานคนดูแน่น แฟนคลับเยอะซะทุกคน บางคนกระแสละครดีมาก แต่พอขึ้นจอใหญ่ ดวงไม่ดี หนังแป้กเอาดื้อๆ ขณะที่บางคนรุ่งทั้งจอแก้วและจอเงิน ว่าแล้วมีใครบ้าง ไปดูกันหน่อย
เมื่อลองมองย้อนกลับไป เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่านางเอกที่เป็นโลโก้จ๋าของช่อง 7 ต้องมีหน้าของ “กบ- สุวนันท์ ปุณณกันต์” ลอยมาแน่นอน เธอฝากผลงานละครเรื่องแรกคือ “มาลัยทอง” ละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่น้อยคนนักจะรู้ว่าเธอเล่น แต่เรื่องที่ทำให้คนรู้จักเธอและเป็นเรื่องที่แจ้งเกิดที่สุดก็คงไม่พ้น “ดาวพระศุกร์” เล่นกับพระเอกคู่ขวัญ “ศรราม เทพพิทักษ์” และอีกหลายๆ เรื่องที่เป็นละครในดวงใจของหลายๆคน เรียกว่าเล่นเรื่องไหนก็ดังทุกเรื่อง
ด้านงานภาพยนตร์ก็ไม่น้อยหน้า ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2537-2539 เธอฝากผลงานไว้ทั้ง “แบบว่าโลกนี้มีน้ำเต้าหู้และครูระเบียบ, กองร้อย 501” และอื่นๆ ก็ถือเป็นความสำเร็จในยุคสมัยนั้น จนห่างหายจากจอเงินไป ผ่านไปสิบกว่าปี กลับมาอีกครั้งใน “อีส้ม สมหวัง” ที่หลายคนให้ความสนใจ แต่หนังก็ไม่ถึงกับดังเปรี้ยงมากมาย ยังพอให้เห็นถึงภาพลักษณ์ใหม่ๆ ที่เธอมารับบทเป็นแดนเซอร์วงดนตรีลูกทุ่งให้คนได้เซอร์ไพรส์กัน
ต่อด้วยนางเอกซุปตาร์เบอร์หนึ่งของเมืองไทยอย่าง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” ลงจอละครเรื่องไหนเรื่องนั้นสนั่นเปรี้ยงทุกเรื่อง แม้จะหายจากจอแก้วไปนาน พอละครเรื่อง “พราว” ลงจอเท่านั้นล่ะฮอทร้อนจอเหมือนเดิม แต่ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อเธอโดดไปเล่นหนังกลับไม่เปรี้ยงอย่างที่คิด อย่างเรื่องแรก “Fake โกหกทั้งเพ” ที่เล่นร่วมกับอดีตคนรักเก่า “ต้าร์ บาร์บี้” ก็แป้ก มีกระแสมีคำชมแต่รายได้ฝืดผิดคาด หรือ “ผีเลี้ยงลูกคน” กับ “สาระแนเห็นผี” ถึงจะได้ “อั้ม” มาเล่น แต่หนังก็อยู่ในเกณฑ์ไม่ทำเงินเลยล่ะ ส่วนเรื่อง “30 กำลังแจ๋ว” ก็ใจชื่นขึ้นมาหน่อยที่พล็อตเรื่องของหนังสามารถเข้าถึงกลุ่มคนดูได้บ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย
ล่าสุดเธอกลับมาเล่นหนังอีกครั้งใน “Single Lady เพราะความสัมพันธ์มันซับซ้อน” เป็นการประกบพบกันอีกครั้งกับพระเอกจากจอแก้ว “เป้-
อารักษ์” งานนี้ต้องเฝ้ารอดูเรื่องนี้แล้วล่ะว่านางเอกเบอร์หนึ่งจะทำให้หนังเปรี้ยงหรือแป้กเหมือนหลายๆ เรื่องที่ผ่านมาหรือเปล่า
จงรักภักดีช่อง 7 มาตลอด ไม่เค๊ยไม่เคยคิดจะไปซบที่ไหน นางเอกลูกหม้อ “ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่ม” หลังจากชนะเลิศ
ดัชชี่เกิร์ล ปี 2000 เธอก็ได้มาชิมลางละครเรื่องแรกประกบ “อั้ม-พัชราภา” ในละคร “คมพยาบาท” บทของ “น้อย” นางเอกแสนดีร้องไห้ปาดน้ำตา ทำให้คนจดจำภาพลักษณ์เป็นนางเอกเรียบร้อยแสนดีมาตลอด จนกระทั่งได้รับบทท้าทาย เป็นนางร้ายเรื่องแรกใน “นางทาส” ตีบทแตกร้ายสุดติ่ง ถือว่าเป็นการพลิกบทบาทได้อย่างดีเลิศ ผิดกับการไปเล่นหนังที่กระแสแป้กเงียบเชียบ อย่างเรื่องแรก “โอเคเบตง” หรือเรื่อง “ผวา” ที่ไม่ได้ออกฉาย
ส่วนเรื่อง “ตะเคียน” ก็หายเงียบไปกับสายลม แถมหนัง “White Tiger” ที่ร่วมกับฮอลลีวู้ดก็กลายเป็นหนังเกรดบีซะงั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนไทยเองจะได้ดูกันรึเปล่า เรียกว่าทำให้เจ้าตัวต้องคิดหนักว่า กลับไปเล่นละครจะดีกว่ามั้ยเนอะ
นางเอกลูกครึ่งสวยคมเฉียบอีกคน “ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก” ที่แจ้งเกิดจริงๆ ในบทของ “ฮันนี่” แม่มดตัวป่วนในละคร “สาวน้อยในตะเกียงแก้ว 2” ทำให้ประชาชนเริ่มรู้จักเธอ ถึงแม้ว่าการแสดงในเรื่องแรกๆ จะยังแข็งๆ ทื่อๆ แต่ด้วยความสวยและมีเสน่ห์ของเธอก็ทำให้มีงานละครเข้ามาตลอด แต่ละครก็ไม่ถึงกับถูกใจคนดูมากมาย ยิ่งไปเล่นหนังก็ยิ่งแป้ก อย่าง “มากับพระ” ในปี’ 49 ก็เป็นเพียงโอกาสใหม่ๆ ให้เธอได้ลองทำ และอีกสองเรื่องที่ตามมา กระแสก็เงียบกริบ เลยต้องเอาดีด้านเซ็กซี่จนได้ทั้งรางวัลและได้ใจหนุ่มๆ ไปครอง โดยเฉพาะหวานใจทายาทหมื่นล้านหนุ่ม “โน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์”
พี่มากจ๋าาาาาา…. ได้ยินเสียงนี้เมื่อไหร่ เป็นอันรู้กันว่าต้องเป็นเรื่อง “แม่นาคพระโขนง” ล่าสุดนางเอกหน้าฝรั่งวิก 7 สี สาว “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” ที่สร้างประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทยปลุกกระแสให้คนตีตั๋วไปดูหนัง “พี่มาก..พระโขนง” ในเวอร์ชั่นแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ทั้งเนื้อเรื่องในการปรับบทสไตล์ “จีทีเอช” รวมไปถึง ผีแม่นาคหน้าฝรั่ง ที่ก่อนหน้านี้สาว “ใหม่” ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าไม่เหมาะสมที่จะมารับบทนี้ แต่เธอก็ได้แสดงศักยภาพในการเป็นนักแสดงจนได้รับคำชื่นชม แถมยังได้รับฉายาเป็น “นางเอกพันล้าน” จากรายได้ของหนังแบบถล่มทลาย จนปีนี้ก็ยังได้รับบทเด่นเป็น “อีเรียม” ในหนัง “แผลเก่า” ของ “หม่อมน้อย” เธอลบคำสบประมาทถึงเรื่องหน้าตาฝรั่งจะมาเล่นบทหญิงไทยได้อย่างสวยงาม นับว่าเป็นนางเอกมาแรงที่เกิดมาจากจอแก้ว แล้วไปเปรี้ยงแบบขีดสุดบนจอเงินได้อย่างสวยงามอีกคน
ส่วนสาว “จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข” หลังจากโบกมือลา “เอ็กแซ็กท์” มาซบวิก 7 สี ก็กลายเป็นนางเอกที่ได้รับแต่บทดีๆ มาตลอด แล้วยังพลิกบทบาทมาร้ายได้ใจในบทของ “รสสุคนธ์” จากละคร “สุสานคนเป็น” ที่ถือว่าเธอเล่นทุ่มสุดตัว แถมยังเป็นละครกระแสดีอีกหนึ่งเรื่องในช่วงนั้น นอกจากงานละคร เธอก็เคยไปโลดแล่นบนจอเงินมาหลายเรื่อง หากใครยังจำได้เมื่อปี 2552 เรื่อง “วงษ์คำเหลา” ของ “หม่ำ จ๊กมก” ก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว แต่เรื่อง “Coffee Please แก้วนี้หัวใจสั่น” ถึงแม้จะได้ “อ๋อม-อรรคพันธ์” มาเป็นพระเอก แต่ก็แป้กจนน่าใจหายทีเดียว
ปิดท้ายด้วยนางเอกหน้าใส “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” โด่งดังและแจ้งเกิดอย่างสวยงามจากภาพยนตร์ที่ดังข้ามปี ข้ามประเทศ เรื่อง “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่า…รัก” จนได้กลายมาเป็นนักแสดงช่อง 7 จริงๆ ก่อนหน้านี้เธอเคยผ่านงานแสดงมาบ้างแล้ว แต่บทก็ไม่ได้ส่งให้เธอโดดเด่นมากจนได้มาเล่นหนังเรื่องนี้ ประกบกับพระเอกคู่ขวัญ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ก็ทำให้เธอดังนานและดังไกลคู่กับ “มาริโอ้” ถึงประเทศจีนและฟิลิปปินส์ มีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมาก เรียกว่าขายดีทั้งในและนอกก็ว่าได้
