เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ระหว่างทีมชาติไทยและทีมชาติอินโดนีเซีย กลุ่มกองเชียร์บางกลุ่มได้มีการจุดพลุแฟร์สีแดงจนเกิดควันและประกายไฟก่อความรำคาญให้กับผู้ร่วมเชียร์ รวมทั้งในโลกออนไลน์ยังมีการโจมตีเรื่องนี้อย่างหนัก จนหลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าทีมชาติไทยอาจถูกลงโทษจากคณะกรรมการฟีฟ่าได้  ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับแฟนบอลที่ถือพลุแฟร์ในวันเกิดเหตุไปแล้ว  2 ราย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ที่สน.หัวหมาก พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปขอศาลอาญารัชดาทำการออกหมายจับบุคคลตามภาพถือพลุแฟร์ในวันเกิดเหตุจำนวน 8 คน โดยเป็นหมายจับตามภาพ และแกนนำกลุ่มอุลตร้า ไทยแลนด์อีก 3 ราย ในข้อหานำเข้ามาผลิตและมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากปลัดกระทรวงกลาโหม และขัดขวางข่มเหงเจ้าพนักงานไม่ให้เข้าไปปฎิบัติหน้าที่ และในส่วนวันนี้ยังมีการออกหมายเรียกเพิ่มอีก 8 ราย เพื่อให้มาเป็นพยาน ส่วนนายประพจน์ ปานโพธิ์ทอง แกนนำกลุ่มอุลตร้า ไทยแลนด์ ทางทนายความของนายประพจน์ได้ติดต่อมาว่าจะเดินทางเข้ามาที่ สน.หัวหมาก ก่อนเที่ยงวันนี้แต่ยังไม่ปรากฏตัวมาอย่างที่บอกแต่อย่างใด

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ได้ชายใส่เสื้อคอโปโลสีดำ ติดอักษรภาษาอังกฤษว่า อุลต้าร์ สวมหมวกแก๊ป ซึ่งคาดว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มอุลตร้าไทยแลนด์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.หัวหมาก เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้เดินทางมาให้ปากคำในฐานะอะไร ทางชายดังกล่าวได้ตอบว่า “มาให้การในฐานะพยานในวันเกิดเหตุในวันนั้น แต่ไม่รู้ใครเป็นใคร จำอะไรไม่ได้ปิดหน้าปิดตาอะไรกันหมด ส่วนที่ตำรวจเอารูปมาให้ดู ก็ไม่ได้ชี้รูปยืนยันใคร โดยมาร่วมเชียร์เท่านั้น แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนจุดพลุ และไม่ได้เป็นคนจุดแต่อย่างใด” ก่อนที่จะปฏิเสธให้สัมภาษณ์พร้อมบอกว่าให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังทางพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปขอหมายจับจากศาลอาญารัชดาตามภาพถ่ายบุคคลขณะที่จุดพลุแฟร์อยู่ในสนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หลังขอความร่วมมือให้บุคคลตามภาพดังกล่าวเข้ามาพบพนักงานสอบสวนแต่ยังไม่ได้รับการติดต่อขอเข้ามาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด โดยการขอหมายจับครั้งนี้เป็นการขอหมายจับบุคคลตามภาพถ่ายจำนวน 11 ราย เป็นคนจุดพลุ 8 ราย แกนนำกลุ่ม 3 รายในฐานความผิดข้อหานำเข้ามาผลิตและมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ปลัดกระทรวงกลาโหม มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาขัดขวางข่มเหงเจ้าพนักงานไม่ให้เข้าไปปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ศาลได้อนุมัติหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ที่มา – dailynews