เจสซี่ วาร์ด เล่าว่า ตนมีพี่น้อง 4 คน ตนเป็นคนที่ 3 โดยก่อนหน้านี้ครอบครัวของตนถูกโกงที่ดิน-ยึดบ้าน โดนขโมยเงินในธนาคารจากการถูกปลอมลายเซ็น มูลค่าความเสียหายประมาณ 65 ล้านบาท และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้ตนและครอบครัวต้องออกมาถือป้ายเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมเมื่อเดือนมิถุนายน 2558 จนตอนนี้ผ่านมา 6 ปีคดีก็ยังไม่คืบ ชีวิตตอนนั้นลำบากและรู้สึกท้อมาก ทุกวันนี้ก็ยังเข้าบ้านไม่ได้เพราะถูกไล่ เนื่องจากคนที่โกงบ้านได้ขายต่อให้คนอื่นไปแล้ว ตนจึงต้องไปอาศัยอยู่บ้านเพื่อนของพ่อแทน ส่วนพ่อก็ต้องเดินทางตลอดเพราะต้องสู้คดี
“ไม่เคยคิดว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ เคยคิดว่าชีวิตหนูต้องสมบูรณ์ แต่เจอมันก็ดีอีกอย่างเพราะจะได้เรียนรู้คนหลาย ๆ อย่าง คนรอบข้างก็เปลี่ยน จากที่หนูเป็นคนมีเพื่อนเยอะ คนรู้จักเยอะ ก็เหมือนมาอยู่เมืองไทยกับพ่อแค่ 2 คน ไม่มีใครเลย บางครั้งก็ร้องไห้แล้วหลับไป” เจสซี่ วาร์ด กล่าว
เจสซี่ วาร์ด เผยต่อว่า ตอนเรียนที่โรงเรียนประจำจะเกเรมาก เพราะอิจฉาเพื่อน ๆ ที่มีพ่อแม่มารับ ตนเลยหนีออกจากโรงเรียนไปทำงานเลย ช่วงแรกก็เหลวไหล จนมารู้ตัวอีกทีก็ทำงานเก็บเงินโดยไปทำงานเป็นนักร้องคาเฟ่ ย้อมผมสีดำเพราะอยากเปลี่ยนลุคตัวเอง
นอกจากนี้ทางรายการได้เชิญตัว นุช นุชนาฎ อุดม แฟนทอมของนางแบบสาว มาพูดคุยในรายการด้วย พร้อมกันนี้ เจสซี่ วาร์ด ได้เล่าว่า สมัยตนอายุ 12 ปี ได้ไปเที่ยวห้างกับเพื่อน ๆ และตอนที่แยกกับเพื่อนไปขึ้นแท็กซี่ ตนได้ขอยาดมกับคนขับรถเพราะรู้สึกแน่นจมูก เมื่อดมยาดมก็สลบไปเลย พอตื่นมาอีกทีคืออยู่ที่โรงแรมม่านรูดกับแท็กซี่
“หนูพยายามอยู่นิ่ง ๆ ไม่ทำให้เขารู้ว่าหนูฟื้นแล้ว ใช้จังหวะตอนที่เขาเข้าห้องน้ำ หนูเลยโทร. หาเพื่อนเพราะกลัวว่าถ้าหนูวิ่งหนีเขาจะตามทัน หรือหากหนูกรีดร้องเขาอาจจะบอกกับคนอื่นว่าหนูเป็นภรรยา และพอดีเพื่อนหนูอยู่ละแวกนั้นก็เลยมาที่โรงแรมแล้วไปรับตัวหนูออกมา แล้วไปแจ้งความจับตัวแท็กซี่”
ด้าน นุช นุชนาฎ ได้กล่าวถึงกระแสดราม่าว่า ตนขอโทษที่หลาย ๆ คำพูดที่ผ่านมาทำให้ใครหลายคนไม่พอใจ แต่อยากให้เข้าใจว่าเป็นคำพูดที่อยากปกป้องคนที่ตนรัก อยากดูแลให้เขารู้สึกว่าอบอุ่น ไม่รู้สึกอ้างว้าง
นอกจากนี้ นางแบบสาวได้ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ พร้อมกับกล่าวว่า “ในส่วนของคนที่ไม่ชอบ รู้ไหมว่าคำหนึ่งในโซเชียล มันสามารถทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้ ถ้าคุณยังไม่รู้จักเขาดี อย่าเพิ่งไปวิจารณ์เขาเลย เพราะคุณไม่รู้ว่าคนที่เขาทำงาน ต้องเหนื่อยแค่ไหน และจุดมุ่งหมายของเขาคืออะไร หากอยากจะด่าเขาก็ไปสืบประวัติเขามาดี ๆ และหนูไม่อายในสิ่งที่หนูทำ ใครจะว่าหนู หนูไม่แคร์ เพราะว่าวันนี้หนูภูมิใจที่หนูทำงานนี้ได้เพื่อเลี้ยงครอบครัวของหนูเอง”
เครดิต BRIGHT TV
