เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ใครที่เป็นคอโซเชียลชอบท่องโลกไซเบอร์จะมีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะมีข่าวดราม่าเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ช่วงเวลาใดก็ตาม “เรดาร์ต่อมเผือก” จะทำงานขึ้นมาทันที บางทีคนอย่างเราๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า…ชาวเน็ตมือไวเขามีเวลาหลับ เวลานอนกันบ้างหรือเปล่า???

แต่สิ่งที่ตามมาติดๆ หลังเกิดดราม่านั้น มักจะมี “ชาวเน็ตมือดี” แคปหน้าจอสมาร์ทโฟน ความไวยิ่งกว่าสปรอท ไวยิ่งกว่าเจ้าของโพสต์จะมารู้ตัวอีกที ก็ถูกขุดถูกคุ้ยก่อนจะลบเสียแล้ว ยิ่งในปี 59 นี้ ข่าวดราม่าเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย เรื่องดีน่าชื่นชม คนก็จะ “จดจำ-ยกย่อง-เชิศชู” แต่เรื่องไหนที่ไม่เข้าท่าแล้วล่ะก็…เจอทั้ง “ขุด-สับ-จวก” ตามนิสัยคนไทย

ชาวเน็ตทั้งหลาย จดจำเหตุการณ์ใดได้บ้างไหม??? เพราะตลอดปี 59 แทบจะหงายการ์ดความผิดกันไม่ทัน โดยแต่ละเหตุการณ์จะมี “วลี” ผุดขึ้นมาให้แซะให้กัด และเมื่อเอ่ยถึงเหตุการณ์ใด เชื่อว่าขาเผือกทั้งหลาย จะต้องร้อง “อ๋อ” อย่างแน่นอน

ประเดิมด้วยเหตุการณ์แรกเมื่อต้นปี หากใครจำดีเจหนุ่มอารมณ์ร้อน “ดีเจเก่ง” ได้แสดงพฤติกรรมความก้าวร้าวในการขับรถ ด้วยการขับรถกระบะ ใส่เกียร์ถอยหลังพุ่งชนรถเก๋งยาริส และมีผู้ถ่ายคลิปไว้ได้ แต่ดีเจหนุ่มกลับพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เขาถอยชนท้ายผม เจอคนแบบนี้ ในสังคมแบบนี้ แย่มากครับ” วลีเด็ด “ดีเจเกียร์ถอย” จึงตกเป็นของหนุ่มคนนี้ แต่คนไทยมีนิสัยลืมง่าย การให้โอกาสคนที่ผิดพลาดมีที่ยืนในสังคมก็ควรทำ…!!

“หมอฟัน” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไกลไปทั่วโลก เพราะด้วย “ข่าวฉาว” เหม็นคลุ้งไปทั่ว คงไม่มีชาวเน็ตไม่รู้จัก “น.ส.ดลฤดี ปอร์เช่ จำลองราษฎร์” อดีตนักเรียนทุนมหาวิทยาลัยมหิดล เบี้ยวสัญญาจนถูกอาจารย์ผู้ค้ำประกันฟ้องข้อหาเบี้ยวทุน ด้านอัยการสูงสุดสั่งฟ้องล้มละลาย “ดลฤดี หนีทุน” จึงกลายเป็น “วลีฮิต” ดังขึ้นมาทันที แต่ทว่าถึงตอนนี้ทำไมข่าวเงียบหายไปเฉยๆ???

ที่ช็อกวงการเล่าข่าว ถึงคราวอวสานวลีฮิตคุ้นหู “นั่นแหละ ฮะ ท่านผู้ชม” หลัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ถูกศาลอาญาพิพากษาในคดีบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ไม่ชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท. จำนวนเงิน 138 ล้านบาท ถูกสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จึงแสดงสปิริต? ประกาศให้ทุกคนทราบผ่านไอจี ขอยุติหน้าที่พิธีกรเล่าข่าว ทิ้งท้ายว่า “จนกว่าเราจะพบกันใหม่ครับ”

วลีต่อมา “บินมาเกาะต้นไม้เอง แล้วทำไมไม่บินกลับเอง!!!” เรื่องนี้ชาวเน็ตมือไวก็ไม่พลาด แห่เข้าไปกดดัน “วิกรม กรมดิษฐ์” นักธุรกิจชื่อดัง หลังโพสต์ภาพตัวเองคู่กับ “นกเงือกสีน้ำตาล” จนเกิดกระแสวิจารณ์ เพราะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง นายวิกรมจึงชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า “เป็นนกที่น้องชายช่วยเลี้ยงดู เนื่องจากบ้านน้องชายอยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น้องสงสารเลยเอามาเลี้ยง จนทุกวันนี้มันไม่ยอมไปไหนเลย” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจ กลับหานกไม่เจอ?!?

“ชายหมู” เจอะเจออุปสรรคก็สารพัดปัญหา แต่ที่หนักสุด “อุโมงค์ไฟ LED 39 ล้าน” ถึงคราวมาตรา 44 เยือนถึงประตูบ้าน เล่นทำเอาชาวเน็ตต้องอุทานว่า แม่เจ้า!!! ฤทธิ์น้ำ “น้ำรอระบาย” สั่งพักงาน “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” และให้พ้นจากตำแหน่ง ผ่านมาหลายเดือนไม่รู้เหมือนกันว่า ขณะนี้อดีตผู้ว่าฯ กทม. จะยังจำบทสัมภาษณ์ที่ให้ไว้ว่า “ขออย่าเรียกว่าน้ำท่วม ขอให้เรียกน้ำรอระบาย เพราะถ้าน้ำท่วมต้องเป็นเหมือนปี 2554” ได้หรือเปล่า???

อีกหนึ่งเหตุการณ์และยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำ เหตุเกิดที่บ่อเก็บน้ำของมหาวิทยาลัย วาทะเด็ดที่ผุดขึ้นมาอีกคำ “อ่อนแอก็แพ้ไป” ได้เห็นตรรกะป่วยๆ ของ “รุ่นพี่บางคน” ที่บอก “น้องบอส-โชคชัย ทองเนื้อขาว” นศ.ปี 1 วิทยาลัยพาณิชยนาวีนานาชาติ ม.เกษตร ศรีราชา ต้องจมน้ำปอดอักเสบติดเชื้อ หามส่งห้องไอซียู ด้วยข้อความว่า “เสพข่าวกันอย่างมีสตินะครับ ที่นี่ไม่ได้มีไว้สำหรับคนอ่อนแอ” ข้อความสั้นๆ นี่แหละ!! รุ่นพี่จึงถูกชาวเน็ตถล่มเละ!!

“พี่ไม่ได้ว่านะ พี่เข้าใจ เพราะคุณมันเกิดช้าไง” แหม่ๆๆ ประโยคนี้เล่นทำคนอีสานถึงกลับเดือดเลือดขึ้นหน้า จะเพราะอะไร??? ก็คล้ายกับว่า “เบสต์-อรพิมพ์” นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ พูดประโยคนี้แล้วไปพาดพิงคนอีสาน จึงถูกขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีต และเช่นเคยชาวเน็ตก็พร้อมใจกันเข้าไปถล่มเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอเละเป็นโจ๊ก ภายหลังเธอยังถูกปฏิเสธวีซ่าจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา หลังได้รับเชิญให้ไปพูดในงานถวายความอาลัย แต่สุดท้าย “ดีเอสไอ” ก็ออกหนังสือรับรองให้เดินทางไปในที่สุด

ดังเพียงข้ามชั่วโมงจริงๆ และได้รับผลการกระทำตาม “ดีเจเกียร์ถอย” แบบชนิดที่เรียกว่า “พิมพ์เดียวกันเป๊ะ” ก็เพราะอารมณ์ร้อน จึงทำให้หนุ่มดาราหน้าใสรายนี้ “น็อต-อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล” ติดโผมีวลีฮิตติดหู หลังถูกมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวรถมินิคูเปอร์คันงาม หนุ่มน็อตก็เลือดขึ้นหน้า เดือดจัดตบคนขับมอเตอร์ไซค์ไม่ยั้ง เพราะตั้งใจคิดจะหนีในทีแรก ทันใดนั้นวาทะเด็ดก็ผุดออกจากปากหนุ่มน็อต “กราบรถกู” จนกลายเป็นคดีสะท้านโซเชียลฯ

แต่ที่ปิดจ๊อบท้ายปี เห็นจะเป็น “กูแฟนดารา” จากวีรกรรมของ “บอล-กฤษณะ” แฟนหนุ่มของสาว “อุ้ม-ลักขณา” ที่ตกเป็นที่จับตามองของสังคม หลังงานเข้าแบบรัวๆ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งการ์ด “ร้านมาลิน สกาย” รุมกระทืบลูกนายพล จนบาดเจ็บสาหัส ดั้งจมูกหัก เยื่อหูฉีก ฟันแตก 2 ซี่ กรามร้าว สมองกระทบกระเทือน ตาซ้ายมีปัญหามองไม่เห็น กระทั่งเจ้าตัวถูกตำรวจไล่ล่าทั่วเมือง จึงตัดสินใจพร้อมลูกน้อง รวม 4 คน ให้ทนายพาเข้ามอบตัว กับพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ต้องนอนคุก 1 คืน หลังทนความกดดันไม่ไหว เพราะถูกศาลออกหมายจับ

เป็นอันจบเรื่องราวของ “วลีฮิตติดหูปี 59” กันไปแล้ว ปีหน้าฟ้าใหม่คงมีปมร้อนกลางโซเชียลฯ มาให้ชาวเน็ตได้เผือกกันอีก…สำหรับปีนี้ลาทีปีเก่า และสวัสดีปีใหม่กันถ้วนหน้า…!!

ที่มา – dailynews