วันนี้ทางทีมงานได้รับรายงานว่าบ่อยครั้งที่รัฐบาลคสช.ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงจากนักการเมืองซึ่งสูญเสียอำนาจ ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์รัฐประหารครั้งล่าสุดปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลมาจากความขัดแย้งของผู้คนในประเทศ ซึ่งตัวนักการเมืองเป็นฝ่ายทำให้สถานการณ์บานปลายไปสู่จุดสุกงอม เฉียดไปเฉียดมาของการลุกฮือปะทะกันเองของสายเลือดคนไทยด้วยกัน…
จากวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงวันนี้ที่ใกล้ครบ 3 ปีเหตุการณ์รัฐประหาร ดูเหมือนว่ากระแสนิยมในตัวทหารกลับยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตรงข้ามกับกระแสนิยมในตัวนักการเมืองซึ่งเริ่มเสื่อมถอยลงไปเรื่อย ๆ แม้ว่าเสียงส่วนใหญ่ยังเห็นว่าระบบประชาธิปไตยมีความจำเป็นสำหรับสังคมไทย แต่ดูเหมือนว่าความหมายประชาธิปไตยของภาคประชาชนในปัจจุบันเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตที่ต้องฝากความหวังทุกอย่างไว้กับนักการเมืองอย่างชัดเจน
ตัวอย่างหนึ่งที่ Deeps Tnews เจอในโลกโซเชียลขณะนี้ก็คืออารมณ์ความรู้สึกผู้คนที่รู้สึกทุกข์ใจร่วมไปกับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ และมีการแชร์ภาพต่อ ๆ กันมาในภารกิจของทหารหาญต่อประชาชนผู้เดือดร้อน โดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา อาทิ ในเพจเฟสบุ๊กของผู้ใช้ชื่อว่า Jeed Jeed ซึ่งแชร์ภาพจาก “เรารักทหารพราน วีรบุรุษชุดดำ” แสดงให้เห็นการช่วยเหลือชาวบ้านของทหารหญิงที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมข้อความที่น่าจะทำให้ภาพที่นำเสนอในเพจเฟสบุ๊กของ Jeed Jeed และ “เรารักทหารพรานฯ” มีความหมายที่ชัดเจนมาก
“ นักเลือกตั้ง v& ทหาร”
……………………………………………….
ไม่มีเลือกตั้ง ก็ไม่ต้องหาเสียง
เมื่อไม่มีการหาเสียง
ก็ไม่จำเป็นต้องลงไปช่วยเหลือประชาชน
เพราะลงไปช่วย ก็ไม่ได้เลือกตั้ง
จึงยังไม่จำเป็นต้องออกไปหาคะแนนเสียง
ดังนั้น ช่วยไปก็เท่านั้น
เพราะนี่คือสันดานของนักเลือกตั้ง
ที่อวดอ้างตัวเองว่าเป็นนักการเมือง
แต่เวลาที่ประชาชนเดือดร้อน
ใครมีหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ
ใครมีหน้าที่เข้าไปดูแล
ถ้าไม่ใช่เขา และเธอเหล่านี้
สำหรับสังคมไทย..
นี่จึงเป็นคำตอบว่า “ทหารมีไว้ทำไม”
ขณะที่ในเพจเฟซบุ๊กของ วาสนา นาน่วม ( Wassana Nanuam) ได้บันทึกภาพ ข้อมูลการลงพื้นที่จ.ยะลาเพื่อติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และทหารหาญอีกส่วนหนึ่งที่ต้องวันนี้เปลี่ยนจากการถืออาวุธมาลุยน้ำนำสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อนถึงแต่ละหมู่บ้าน บ้านพักอาศัย ..