เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีที่พลเมืองดีและนางเอ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี อาชีพแม่บ้านโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แจ้งเรื่องร้องทุกข์มายังสายด่วน 1134 มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เล่าว่า ด.ญ.พี (นามสมมติ) วัย 5 เดือน หลานของนางเอ ถูก น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผู้เป็นแม่จับโยนลงกับพื้นจนบาดเจ็บสาหัส ส่งรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์ตรวจพบเลือดออกในสมอง กะโหลกศีรษะร้าว ต้องทำการผ่าตัดด่วนและนอนรักษาอยู่ที่ห้องไอซียู ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่แม่เด็กไม่มาเหลียวแลดูลูกเลย และแจ้งความไว้แล้วที่สน.บุปผาราม แต่คดียังไม่คืบหน้า ขอให้นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯช่วยติดตามคดีด้วย

หลังรับแจ้งช่วงค่ำวันเดียวกัน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ไปพบกับนางเอและพลเมืองดี เพื่อเข้าเยี่ยมอาการของน้องพี โดยแพทย์ได้แจ้งความคืบหน้าของอาการและบอกให้ญาติทำใจไว้เนื่องจากอาการค่อนข้างวิกฤติ จากนั้นนางปวีณา ได้พาพลเมืองดีและนางเอ ไปที่สน.บุปผาราม เข้าพบพล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.พิทักษ์ ปัญญาพร ผกก.สน.บุปผาราม เพื่อขอความเป็นธรรมช่วยนำตัวน.ส.บี แม่เด็กมาดำเนินคดีตามกฏหมาย

โดยพลเมืองดีให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เกิดเหตุเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ในห้องเช่าขณะที่ย่ากับพ่อเด็กออกไปทำงานไม่อยู่บ้าน ได้ยินเสียงน้องพีถูกตีจนร้องไห้ไม่หยุดก่อนจะได้ยินเหมือนสิ่งของตกลงที่พื้นอย่างแรง จึงรีบเข้าไปดูพบว่าน้องพีเลือดออกปากนอนอยู่กับพื้น จากนั้นน.ส.บี ได้ทำทีมาอุ้มลูกเดินหนีไป จึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปเล่าให้นางเอ ย่าของเด็กฟัง แต่เมื่อพอนางเอไปขอดูหลาน น.ส.บี กลับไม่ให้ดู

โดยนายเอก (นามสมมติ) อายุ 20 ปี อาชีพเป็นรปภ.พ่อของน้องพี เล่าต่อว่า เมื่อกลับมาจากทำงานเห็นสภาพลูกดวงตาปูดบวม ตาแฉะมีขี้ตาเกรอะกรัง จึงถามภรรยาว่าลูกเป็นอะไรก็ไม่ได้รับคำตอบ บอกแค่เพียงว่า ลูกตกเปล กระทั่งตอนเช้าวันที่ 10 ม.ค. ตนกับน.ส.บี ได้พาลูกไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรับการตรวจเบื้องต้นรักษาตามอาการและเดินทางกลับ จากนั้นตนก็ได้ไปส่งภรรยาและลูกที่บ้านแม่ของน.ส.บี ก่อนเดินทางไปทำงานต่อแล้วกลับมาในตอนค่ำ ตกดึกสังเกตอาการลูกสาวยังไม่ดีขึ้นมีอาการตัวร้อนจัดนอนแน่นิ่ง จึงได้ถามภรรยาอีกว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งภรรยาก็บอกว่าลูกตกเปลอีก จนเช้าวันที่ 11 ม.ค. ตนกับเพื่อนได้รีบพาน้องพีไปโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อแพทย์ตรวจดูอาการแล้วให้น้องพีแอดมิดทันที จากนั้นแพทย์ได้ทำการผ่าตัดและให้นอนอยู่ในห้องไอซียู ต่อจากนี้ก็อยากให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย อยู่ที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะว่าอย่างไร

ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 18 ม.ค. 59 นางเอ ย่าน้องพี ได้โทรมาร่ำไห้แจ้งกับนางปวีณา ว่า น้องพีได้เสียชีวิตลงแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินซื้อโลงศพ ฉีดยาศพ และจัดงานศพ นางปวีณาจึงได้รับปากช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ก่อนรุดเดินทางไปที่ภาควิชานิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช พบกับนางเอ และนายเอก เพื่อรับศพน้องพีไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนา ซึ่งจากการผ่าพิสูจน์ศพน้องพีแพทย์ลงความเห็นว่า เสียชีวิตจากเลือดคั่งในสมอง เนื่องจากกระโหลกศีรษะแตกที่ด้านซ้ายและขวา หูด้านซ้ายมีรอยฟกช้ำเป็นแผลจากการถูกของแข็งกระทบ หรือ ไปกระทบของแข็งมากกว่า 1 ครั้ง

จากนั้นได้เคลื่อนศพน้องพีไปที่วัดอนงคารามวรวิหาร แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เพื่อทำพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 1 คืน โดยนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เป็นประธานในพิธี ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของนายเอก นางเอ และญาติพี่น้อง ทั้งนี้มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงกันมาร่วมงานและให้กำลังใจจำนวนมาก โดยนางปวีณา ได้มอบเงินช่วยซื้อโลงและจัดงานศพน้องพีเป็นเงิน 10,000 บาท และพล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 ก็ได้ช่วยเหลือค่าทำศพอีก 5,000 บาท และจะมีพิธีเผาศพในช่วงบ่ายวันที่ 19 ม.ค.นี้

นางเอ ผู้เป็นย่าเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวตนเองมีฐานะยากจน แต่ก็สู้ดิ้นรนทำมาหากิน ตนเสียใจมากที่ต้องมาสูญเสียหลานไป น้องพีเป็นเด็กที่น่ารัก เลี้ยงง่าย ตอนที่ลูกสะใภ้คลอดน้องพีออกมาใหม่ๆ ตนก็อาสาจะเลี้ยงให้แต่ลูกสะใภ้ไม่ยอมแถมยังต่อว่า ถ้าย่าเลี้ยงกลัวลูกนิสัยไม่ดี ตนรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งในวันเกิดเหตุไม่มีคนอยู่บ้านลูกชายกับตนต่างไปทำงาน แต่มีคนในชุมชนเห็นกันหลายคน ตนยอมรับเคยมีปากเสียงกับลูกสะใภ้คนนี้บ่อยครั้ง สาเหตุก็มาจากการเลี้ยงลูกที่ตัวลูกสะใภ้หากโกรธหรือมีปัญหาอะไรก็จะมาลงที่ลูก ตีลูก ทำร้ายลูก คนในชุมชนละแวกบ้านต่างก็รักก็หลงหลานสาว ห่วงหลาน บางครั้งก็สั่งสอนแนะนำลูกสะใภ้ในเรื่องการเลี้ยงดู เช่น อากาศเย็นทำไมไม่หาเสื้อหนาวให้น้องใส่ แต่ลูกสะใภ้ก็มักจะกลับมาตีหลานโทษว่า เป็นตัวการที่ทำให้ถูกชาวบ้านด่า นอกจากนี้ตัวลูกสะใภ้มักจะตีและด่าหลานสาวว่า เป็นคนที่แย่งความไปจากตัวลูกชายซึ่งลูกและตนก็อธิบายพูดคุยหลายครั้งว่า รักทั้งแม่และลูกเท่าๆกัน ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น วันนี้จะมารับศพหลานยังแทบจะไม่มีเงินซื้อโลงใส่ศพ จัดงานศพ ตนต้องขอขอบคุณนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ อย่างยิ่ง ที่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ด้านพ.ต.อ. ชัยวัฒน์ อรัญวัฒน์ รอง ผบก.น.8 กล่าวว่า จากการเข้ารับฟังผลการผ่าพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นพร้อมญาตินั้น แพทย์ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตมาจากเลือดคั่งในสมองเนื่องจากกระโหลกศรีษะแตก ในส่วนของคดีนั้นเบื้องต้นสอบสวนพยานไปบางส่วนแล้ว ในส่วนการสอบปากคำแม่ของเด็กนั้น ซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ต้องทำการประสานนักวิทยาการและนักสังคมสงเคราะห์และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสอบปากคำ ว่าเป็นผู้กระทำการดังกล่าวจริงหรือไม่ อย่างไรก็ดีจะได้ทำการสอบสวนและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างถึงที่สุด

ที่มา – tsood