เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 30 ม.ค.โลกออนไลน์เกิดกระแสแชร์โพสต์จากแฟนเพจเฟซบุ๊ก@อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 เผยภาพวิดีโอตามหาคนร้ายมือวางเพลิงร้านสักชื่อดังย่านข้าวสาร ทั้งยังเผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว แต่คดีความไม่คืบหน้า จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนมากนั้น

ล่าสุด น.ส.สมฤทัย (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี เจ้าของร้านสักดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเวลา 05.10 น. วันที่ 14 พ.ย. 58 ที่ผ่านมา ตนได้มานอนค้างที่ร้านสักกับลูกสาววัย 2 ขวบ ที่ชั้นบนของร้านสัก จนเมื่อช่วงเช้าของวันดังกล่าว ลูกน้องได้โทรมาแจ้งตนว่าหน้าร้านตนมีรอยถูกเผา ซึ่งตนตกใจมากรีบวิ่งลงมาชั้นล่างก็พบว่าด้านหน้าร้านมีรอยถูกเผาจริงจนกระจกแตก แต่ผ้าม่านไม่มีรอยไหม เมื่อเปิดกล้องวงจรปิดจึงพบว่าไฟได้ลุกไหม้ไม่ถึง 1 นาทีก็ดับลง จึงได้รีบเข้าไปแจ้งความเรื่องที่เกิดขึ้นที่สน.ชนะสงคราม

หลังจากแจ้งความแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้า มีเพียงแต่ตำรวจสายสืบที่คอยมาสอดส่องดูแลที่ร้านเท่านั้น ตนต้องเดินเรื่องจากทางกทม.เองทุกอย่างจนได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นเพศชาย รูปร่างสันทัด ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อเลกซัส ก่อนวางเพลิงได้ซื้ออาหารที่ร้านฟาสต์ฟู้ดในละแวกข้าวสาร จากนั้นจึงขับรถมาก่อเหตุที่ร้านของตน และจึงขับรถหลบหนีไปทางสะพานพระปิ่นเกล้าและขึ้นสะพานคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีหลบหนีไป  หลังจากนั้นตนก็ได้ไปสอบถามที่บริษัทเลกซัสไทยแลนด์ จนทราบว่ารถของผู้ก่อเหตุเป็นสีเทา รุ่นGS300  มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซึ่งทั้งประเทศมีอยู่ไม่ถึง 100 คัน แล้วนำหลักฐานทั้งหมดมามอบให้ร้อยเวรเจ้าของคดี แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า แม้ตนจะได้ร้องเรียนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว ซึ่งก็มีความเคลื่อนไหวในช่วงแรกแต่สุดท้ายก็เงียบไป เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ที่ร้านตนเคยถูกปาหินใส่ถึง 3 ครั้ง ลูกน้องเคยถูกดักทำร้าย แต่เรื่องทั้งหมดด้านคดีความก็ไม่เคยตามจับตัวคนร้ายได้เลย

หลังจากวันนั้น ก้อยไม่เคยนอนหลับอย่างสบายใจ ทุกคืนต้องจ้างคนมานั่งเฝ้าหน้าร้านวันละ 300 บาท ตั้งแต่เที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้าทุกวัน ก่อนนอนก็ต้องเปิดกล้องวงจรปิดดูว่าคนที่เราจ้างมา เขายังนั่งเฝ้าอยู่ไหม ระแวงว่าจะมีเหตุอะไรขึ้นหรือไม่ จนก้อยต้องไปพบจิตแพทย์หลายครั้งด้วยความเครียด จนวันนี้ที่ก้อยรู้สึกไม่อยากมีชีวิตที่ต้องทนอยู่บนความหวาดระแวง ไม่มีชีวิตที่เป็นปกติสุขเหมือนคนอื่นๆอีกต่อไป จึงตัดสินใจนำเรื่องทั้งหมดมาตีแผ่ในโลกออนไลน์ เพียงแค่หวังว่าจะมีชาวโซเชียลช่วยตามหาเลขทะเบียนคันดังกล่าวว่าเป็นเลขใด ซึ่งก้อยก็ยังมีหวังว่าสังคมบ้านเราจะมองเห็นคดีความของคนธรรมดาที่ไม่ได้มีชื่อเสียง หรือเงินทองมากมาย มีค่าเทียบเท่าคดีของคนใหญ่คนโตเสียที” น.ส.สมฤทัย กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ..

ที่มา – @อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4