ฉายมาแค่เดือนกว่าๆ ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หนังโรแมนติก-คอมิดี้ “ไอฟาย..แต๊ง กิ้ว..เลิฟยู้” ของค่ายหนังฟีลกู้ด “จีทีเอช” ก็ทุบสถิติหลายอย่างของหนังไทย ทำให้หลายคนต้องหันมามองว่าหนังฟอร์มเล็กๆ ที่ไม่ได้มีดาราแม่เหล็กหรือฉากอลังการงานสร้างเรื่องนี้มีดีอะไร ทำไมถึงดัง และคนแห่ไปดูจนถึงขั้นว่าใครไม่ได้ดูถือว่าเชยเอ้าท์ตกยุคเลยทีเดียว
หากจะย้อนเส้นทางความสำเร็จของหนังเรื่องนี้…ในช่วงเวลาแค่เดือนกว่าๆ มองหลายๆ อย่างแบบวิเคราะห์เจาะลึก หนังก็มีสูตรสำเร็จในแบบฉบับที่ “จีทีเอช”คงคิดว่ายังไงก็ต้องทำเงิน แต่ที่ไม่คิดก็คือมันจะมาไกลได้ถึงขนาดนี้ ก็ได้สร้างสถิติที่ไม่มีใครคาดถึง ด้วยการทำเงินติดอันดับ 2 หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว โดยทำเงิน 326.10 ล้านบาท เอาชนะหนังไทยและหนังต่างประเทศทุกเรื่องที่เคยมีมา เป็นรองแค่ “พี่มาก..พระโขนง” เพียงเรื่องเดียว
นอกจากนี้หนังยังดังไกลไปถึงต่างแดน มีหลายประเทศติดต่อซื้อไปฉายแล้ว ทุกส่วนของหนังก็คือองค์ประกอบที่ช่วยผลักดัน และทำให้หนังมาไกลจนกลายเป็นเซอร์ไพรส์ความสำเร็จของหนังไทยแห่งปี
ถ้ามองรายชื่อของผู้กำกับที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญของเรื่อง ก็คือ “เมษ ธราธร” ซึ่งมีเครดิต จากหนังที่เค้ากำกับเต็มตัวเรื่องแรก คือ “ATM เออรักเออเร่อ” เมื่อ 3 ปีก่อน และก่อนหน้านี้เมษก็อยู่เบื้องหลังงานหนังหลายเรื่อง
“จีทีเอช” มาแล้ว หลายคนบอกว่าเส้นทางความสำเร็จของเมษ ไม่ได้มาง่ายๆ เค้าใช้เวลาหลายปีพิสูจน์ตัวเอง ถึงจะมีเครดิตผู้กำกับเต็มตัวแค่ 2 เรื่อง แต่ประสบการณ์ก็แน่นปึ้ก เรียกว่าบ่มเพาะมาเต็มที่ และดูจะไปได้ดีกับหนังแนวนี้ซะแล้ว
“ผมรู้สึกภูมิใจและดีใจมาก หนังมาไกลกว่าที่คิด แค่ประสบความสำเร็จในเมืองไทยผมก็ดีใจ หายเหนื่อยแล้ว แต่พอหนังไทยได้ไปฉายให้ต่างชาติดูแล้วเขาชอบ เขาสนุกไปกับหนังของเรา มันเป็นความภูมิใจอีกแบบหนึ่งครับ ผมและทีมงานรวมถึงนักแสดงทุกคนภูมิใจและชื่นใจ หายเหนื่อย ตอนนี้มีหลายประเทศติดต่อขอซื้อไปฉาย อาทิ พม่า, สิงคโปร์, เวียดนาม, ฮ่องกง, ไต้หวัน และล่าสุดไปฉายที่ประเทศกัมพูชา ซึ่ง
ฟีดแบ็คดีมาก มันเป็นความรู้สึกที่ปลื้มปริ่มมากๆ ครับ เพราะมันเกินความคาดหวังผม คือตั้งใจทำหนัง พยายามกดดันตัวเองอยู่แล้วให้เราเก่งขึ้นเรื่อยๆ และดีกว่าเดิม เพราะหนังเรื่องนึงผมใช้เวลาทำถึง 3 ปี เราเต็มที่ ทุ่มเทไปกับมันมากเหมือนว่าหนังเรื่องนี้คือเรื่องสุดท้าย พอหนังประสบความสำเร็จเราก็หายเหนื่อย ผมต้องขอบคุณทีมงาน นักแสดงทุกคนที่ทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ และต้องขอขอบคุณผู้ชมทุกคนมากๆ ครับ”
จากเรื่องผู้กำกับก็มาถึงพล็อตหนัง ที่แม้จะมาพร้อมความเป็นสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ คือพ่อแง่แม่งอน ปมเรื่องที่ผิดฝาผิดตัวหรือเพลง เพราะๆ ของหนัง แต่ถ้ามองให้ดี ก็ยังไม่เคยมีหนังไทยที่มีพล็อตแบบให้คนเรียนภาษาอังกฤษเกิดขึ้น มาแบบเต็มตัวมาก่อน และ “ไอฟาย แต้ง กิ้ว เลิฟยู้” ก็ทำได้แบบถูกใจคนดู ที่เล่าถึงการสอนภาษาอังกฤษของติวเตอร์สาวกับนายช่างโรงงานที่ห่าม เถื่อน และอ่อนภาษามาก จนกลายมาเป็นความรักและเรื่องราวชุลมุนวุ่นวายที่สำคัญก็คือหนังเป็นแบบเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี และคนไทยชอบหนังตลก ดูแล้วไม่เครียด ก็เลยเป็นจุดๆ หนึ่งที่เรียกให้คนดูเสียเงินไปดูกัน
อีกส่วนก็คือเพลงประกอบของหนังที่ดังระเบิด พร้อมท่าเต้นประแป้ง ที่กลายมาเป็นท่าฮิตของปี กับเพลง “เอบีซี ชักกระตุก” เพลงประกอบภาพยนตร์สุดมันส์ ที่ 2 พระนางอย่าง “ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร” และ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” เต้นได้แบบหลุดโลก ไม่ห่วงสวย และรั่วสุดๆ อย่างที่ไม่เคยมีพระเอกนางเอกหนังไทย…
ทำมาก่อน
ส่วนอีกเพลงก็เพลงซึ้งๆ “Walk You Home” ที่ได้นักร้องคุณภาพ “อ๋อง-สุรสีห์ อิทธิกุล” แต่งทำนองโดย “อ๊อฟ บิ๊กแอส” และแต่งเนื้อร้องโดยสาวน้อย “วี-วิโอเลต วอเทียร์” จากเวที เดอะวอยซ์ 2 มาร่วมกันสร้างสรรค์เพลงรักภาษาสวยๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ก็ยิ่งเพิ่มแรงกระตุ้นให้คนดูอยากดูหนังเรื่องนี้มากขึ้น
ส่วนที่สำคัญของหนังก็คือดารานำหรือคู่พระนาง หากจะมองให้ดี “ซันนี่-ไอซ์” ก็ไม่ใช่ดาราแม่เหล็กหรือซุปตาร์ที่มีพลังของหนังไทย เพราะทั่งคู่มีงานหนังในเครดิตไม่เยอะ แต่สิ่งที่ทั้งสองคนมีคือเสน่ห์ส่วนตัวและคาแรคเตอร์ในแบบที่ตัวเองเป็น และที่สำคัญทั้งคู่เล่นหนังได้เป็นธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง เรียกว่าขายเสน่ห์ส่วนตัวล้วนๆ
“ไอซ์ดีใจมากเลยค่ะ ที่พี่เมษ ผู้กำกับบอกว่าตั้งใจเขียนบทนี้ขึ้นมาเพื่อไอซ์โดยเฉพาะ คืออยากให้ไอซ์มาเล่นโดยไม่คิดถึงคนอื่นเลย ฟังแล้วไอซ์ซึ้งใจมากค่ะ เรื่องนี้ไอซ์ต้องพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพ ให้คนเชื่อว่าเราเป็นติวเตอร์ เลยต้องมีการเวิร์คช็อปอย่างหนัก ต้องเก่งและดูมือโปร ประโยคที่อยู่ในบทยาวมาก เราก็ต้องทำการบ้าน 1 วันก่อนเข้าฉาก และต้องหมั่นออกกำลังกาย เพราะหลังจากเกิดอุบัติเหตุตอนนั้นต้องฟิตร่างกายไม่ให้เหนื่อยง่าย เพราะหนังเรื่องนี้ต้องใช้กำลังกาย และสมองเรียกว่าทุ่มเทที่สุดค่ะ”
ฟากพระเอกอารมณ์ดี… ‘ซันนี่’ ก็บอกแบบอารมณ์ติสท์ๆ ว่า…
“ตอนแรกเมษ ธราธร ผู้กำกับมาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง จากนั้นก็ส่งบทมาให้อ่าน พออ่านบทจบผมรู้สึกชอบมาก เลยโทร.ไปตอบตกลงเดี๋ยวนั้นเลยว่าขอเล่นนะ มันเห็นภาพบางอย่างในหัว ชอบบทตรงความน่ารัก และชอบตัวละครยิม ที่มีทัศนคติที่คิดว่าทุกอย่างซ่อมได้ พูดจาเถื่อนๆ ไม่ว่าจะพูดกับผู้หญิง ผู้ชายก็จะพูดเหมือนกันหมด แล้วก็เป็นคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย
หนังเรื่องนี้ผมชอบทีมนักแสดงมาก ได้เจอกับ น้องไอซ์-ปรีชญา นางเอกสวยที่เล่นตลกได้ฮา, พี่โจ๊ก โซคูล แค่เห็นหน้าก็ขำ ตู่-ภพธร คนนี้อบอุ่น ละมุนเล่นดี๊ดี รวมถึงอาตุ่ย น้องนิว และแก๊งช่าง ทุกครั้งที่มารวมตัวกันมันเป็นการทำงานที่สนุกและเข้าขากันมากๆ ครับ”
ปีนี้เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปแบบใจเต้นระทึกว่าค่าย “จีทีเอช” จะมีเซอร์ไพรส์อะไรมาให้วงการหนังไทยอีก เรียกว่ากระพริบตาไม่ได้เลยครับผม!!
