6 วิธีจับผิด…เมื่อแฟนมีกิ๊ก
ผู้หญิงเป็นเพศที่ช่างสังเกตุจนน่าตกใจ ยิ่งกับผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าคนรักแล้วล่ะก็ แค่มีอาการผิดปกติเพียงนิดเดียวก็สามารถรับรู้ได้ แต่จะจับผิดให้อยู่หมัดทั้งทีก็ต้องมีหลักฐานที่จะมัดตัวเขาให้ได้อย่างแน่นหนา แต่จะต้องใช้วิธีไหนบ้างในการหาข้อพิสูจน์ที่ทำให้เขาดิ้นไม่หลุดก็ต้องตามมาดูกัน
1. แอบไปเซอร์ไพร์ส
เรื่องงานนี่แหละที่เป็นข้ออ้างชั้นเลิศสำหรับผู้ชายเมื่อไหร่ที่เขากลับบ้านผิดเวลาโดยอ้างว่าเคลียร์งานหรือทำโอทีบ่อยๆล่ะก็เริ่มสงสัยได้เลยแต่อย่าเพิ่งแสดงอาการให้เขารู้ตัวแล้วลองแอบไปหาเขาที่ทำงานโดยไม่ต้องบอกก่อนวิธีแบบนี้แหละที่จะได้ความกระจ่างมากขึ้นแบบไม่ต้องแอบสงสัยเลยล่ะ
2. อย่ามองข้ามถังขยะ
ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาแอบมีคนอื่นแน่นอนว่าผู้ชายส่วนมากถ้าอยากได้อะไรก็มักจะยอมทุ่มเทเพื่อให้ได้มาต้องมีแอบพากิ๊กไปกินข้าวดูหนังหรือซื้อของให้บ้างอยู่แล้วใบเสร็จนี่แหละเป็นหลักฐานสำคัยที่จะทำให้เราสืบต่อไปได้ลองหาดูจากในถังขยะที่เขาใช้เป็นประจำกฌอาจจะเจอหลักฐานชิ้นสำคัญก็ได้นะ
3. จับผิดจากโทรศัพท์
โทรศัพท์นี่แหละเป็นแหล่งรวมหลักฐานมัดตัวไว้มากมายเพราะถ้าหากเขากำลังนอกใจเราก็จะต้องมีเบอร์โทรศัพท์หรือข้อมูลติดต่อทางโซเชียลที่เราไม่คุ้นตาปรากฎขึ้นมาให้เห็นแต่อาจจะยากสักหน่อยสำหรับผู้ชายที่ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษควรรอจังหวะที่เขาเผลอแล้วแอบเช็คอย่าให้เขาเห็นเชียวล่ะ
4. สังเกตุความผิดปกติ
คนเป็นแฟนกันย่อมรู้กิจวัตรประจำวันและนิสัยของคู่รักอยู่แล้วลองสังเกตุดูว่าเขามีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิมบ้างหรือเปล่าอย่างตอนรับโทรศัพท์ต้องแอบไปคุยไกลๆหรือเปลี่ยนเวลานอนดึกมากขึ้นหันมาดูแลตัวเองให้หล่อเนี้ยบอยู่ตลอดเวลาสิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นจุดสังเกตุอย่างชัดเจนที่สุด
5. ใช้ GPS ให้เป็นประโยชน์
สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวไปไกลมากแล้วเราก็ควรจะใช้ความทันสมัยให้เป็นประโยชน์หากไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะแอบตามเขาไปในทุกที่ก็ลองเปลี่ยนมาใช้พวก Application ที่สามารถติดตามเขาได้จาก GPS ก็สามารถทำให้เรารู้ได้เหมือนกันว่าเขาแอบออกนอกลู่นอกทางไปที่ไหนบ้าง
6. ดูจากท่าทีที่มีต่อเรา
พฤติกรรมของเขาก็สามารถฟ้องให้เรารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาได้ ลองเข้าไปอ้อนหรือใกล้ชิดกับเขาดู ว่าเขามีท่าทีรำคาญเราหรือไม่ แต่ก็ต้องดูอารมณ์ในขณะนั้นด้วย หากเขากำลังเหนื่อยมาจากงานก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะหงุดหงิดใส่เรา วิธีนี้อาจจะต้องใช้เซ้นส์เยอะสักหน่อย
ขอบคุณภาพจาก The Huffington Post, The Daily Beast, Whitsunday Professional Counselling