เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง ระดมค้นหาร่างของเสี่ย 100 ล้านกับร่างนายทหารหน่วยข่าว กลล.สุรนารี หลังเกิดเหตุกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดของแม่น้ำโขงซัดเรือจมหายไป ค้นหามาแล้ว 8 วัน ยังไร้วี่แวว ขณะที่หนึ่งเดียวที่รอดชีวิต เผยวินาทีตะกายหนีตาย ได้วิงวอนขอพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อให้ช่วยชีวิตจึงรอดมาได้
กรณีเรือหางยาวล่มกลางลำน้ำโขง บริเวณหาดสลึง บ้านสองคอน ต.สองคอน อ.โพธิ์ไทร เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้นายปัญญา พิมพ์แก้ว หรือเสี่ยโค อายุ 62 ปี นักธุรกิจ 100 ล้าน ประจำอำเภอโพธิ์ไทร และเป็นประธานคณะกรรมการบริหารตำรวจ (ก.ตร.) ประจำสถานีตำรวจภูธรโพธิ์ไทร กับจ่าสิบเอกศิริศักดิ์ ใจมั่น อายุ 55 ปี นายทหารการข่าวสังกัดกองกำลังสุรนารี จมน้ำสูญหายไป รอดชีวิตมาได้ 1 คน คือนายนายวิรัตน์ บุทองรัตน์ อายุ 64 ปี ขณะกำลังนั่งเรือยนต์หางยาวออกไปตกเบ็ดหาปลากลางลำแม่น้ำโขง แต่ถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวพัดจนเรือจมน้ำหายไปนั้น ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารเรือ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลุ่มน้ำโขงเขตอุบลราชธานี กองทัพเรือ สถานีเรือโขงเจียม พร้อมด้วย กำนันตำบลสองคอน ผู้ใหญ่บ้านปากลา และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ จี ตัม เกาะ จ.อุบลราชธานี สนธิกำลังกัน
เร่งออกลาดตระเวนค้นหาร่างของนายปัญญา พิมพ์แก้ว หรือเสี่ยโค อายุ 62 ปี นักธุรกิจ 100 ล้าน ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) ประจำสถานีตำรวจภูธรโพธิ์ไทร และร่างของ จ.ส.อ.ศิริศักดิ์ ใจมั่น อายุ 55 ปี นายทหารการข่าวสังกัดกองกำลังสุรนารี ที่ประสบอุบัติเหตุเรือล่มจมน้ำกลางลำแม่น้ำโขงบริเวณหาดสลึง บ้านสองคอน ต.สองคอน อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี มาตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา แล้ว 8 วัน แต่ยังไม่สามารถค้นหาร่างผู้เสียชีวิตทั้งสองคนได้
นายวิรัตน์ บุทองรัตน์ อายุ 64 ปี ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มที่กลางแม่น้ำโขง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยนายปัญญา พิมพ์แก้ว หรือเสี่ยโค อายุ 62 ปี และ จ.ส.อ.ศิริศักดิ์ ใจมั่น อายุ 55 ปี นายทหารการข่าวสังกัดกองกำลังสุรนารี นั่งเรือยนต์หางยาวออกไปสำรวจพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณบ้านสองคอน ต.สองคอน อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี เพื่อสำรวจทำเล ในการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว และยังลาดตระเวนดูความเรียบร้อย เพื่อป้องกันการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมายตามลุ่มแม่น้ำโขงด้วย ซึ่งขณะที่เรือได้แล่นอยู่บริเวณดังกล่าวที่กระแสน้ำไหลเชี่ยว และพัดจนเรือที่ตนและเพื่อนโดยสารไปด้วยจมน้ำหายไป
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า หลังเรือล่มตนและเพื่อนอีก 2 คน ถูกกระแสน้ำไหลพัดกันไปคนละทาง ซึ่งตนภาวนาขอให้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อที่ตนเคารพบูชา ช่วยเหลือชีวิตตนและเพื่อนๆ ให้อยู่รอดปลอดภัย ตนลอยคอในน้ำและมือไปจับ ถูกเชือกทุ่นตาข่ายดักปลาของชาวบ้าน ซึ่งพยายามที่จะตะกายเชือกเอาไว้ และค่อยๆพยุงตัวซึ่งกำลังหมดแรงและอ่อนล้ามาก แต่พอมีแรงร้องให้ชาวบ้านที่ออกเรือหาปลา มาช่วยเหลือขึ้นฝั่งได้ ส่วนเพื่อนอีกสองคนไม่ทราบว่าจมน้ำหายไปไหน ซึ่งหลายหน่วยงานต่างระดมคนออกค้นหา แต่ยังไม่พบและขณะนี้ยังคงระดมทีมค้นหาอีกต่อไปเป็นวันที่ 8 ซึ่งพื้นที่ค้นหาเริ่มตั้งแต่บริเวณ ต.สองคอน อ.โพธิ์ไทร ไปจนถึงน่านน้ำ ที่อ.โขงเจียม
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ทางญาติของนายปัญญา พิมพ์แก้ว หรือเสี่ยโค วิงวอนให้หน่วยงานต่างๆ ช่วยกันค้นหาร่างของชายทั้งสอง เพื่อที่จะนำศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เนื่องจากนายปัญญา เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในพื้นที่และเป็นเสาหลักของครอบครัว
อีกทั้งจ.ส.อ.ศิริศักดิ์ เป็นบุคลากรที่สำคัญของกองทัพ จึงอยากที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านที่พบเห็นร่างของชายทั้ง 2 ช่วยแจ้งข้อมูลข่าวสารให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทราบ และทางครอบครัวทั้งสองจะมีรางวัลตอบแทนให้แก่ผู้ที่แจ้งข้อมูลเพื่อทำคุณประโยชน์ ต่อไป
สำหรับนายปัญญา พิมพ์แก้ว หรือเสี่ยโค มีธุรกิจหลายอย่าง เป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดสองคอนวัสดุก่อสร้าง มีโรงแรม รีสอร์ท หลายแห่ง มีธุรกิจที่เมืองละคอนเพ็ง แขวงสาละวัน สปป.ลาวอีกหลายอย่าง และเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน และเป็นฐานเสียงที่สำคัญของนักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่น โดยตำแหน่งล่าสุดของนายปัญญา ยังเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) ประจำสถานีตำรวจภูธรโพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี อีกด้วย
