เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ใครที่กำลังเป็นหนี้หัวบาน หาทางออกไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิต นี่เป็นหนทางที่ทำให้คุณสามารถมีชีวิตรอด และได้ต่อลมหายใจอีกครั้ง เพราะรัฐบาลกำลังมีโครงการใหม่ที่สนับสนุนการปลดหนี้ด้วย “คลีนิคแก้หนี้” หากคุณสนใจตามมาดูรายละเอียดได้เลย

คลินิกแก้หนี้ คืออะไร?

คลินิกแก้หนี้ หรือ “โครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน” เป็นนโยบายของภาครัฐที่มีขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนรายย่อยที่มีหนี้ค้างชำระอยู่กับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งให้มีโอกาสปลดหนี้

โดยมีบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) หรือ SAM เป็นตัวกลางในการปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายให้ได้ข้อยุติในคราวเดียว เหมือนกับ One Stop Service เรียกได้ว่า “หนี้บัตรทบ จบที่เดียว”

เริ่มเมื่อไร?

ธนาคารแห่งประเทศไทย จับมือกับสมาคมธนาคารทั้งไทยและต่างชาติ เปิดตัวคลินิกแก้หนี้เป็นครั้งแรก เริ่ม 1 มิถุนายน นี้

คุณสมบัติของลูกหนี้ที่จะเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้

– ต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้ประจำ

– ต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี (ต้องไม่เกินตลอดอายุที่อยู่ในโครงการ)

– มีหนี้รวมห้ามเกิน 2,000,000 บาท

– มีหนี้กับธนาคารมากกว่า 2 แห่งใน 17 ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ

– จะต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่ 4% – 7% ต่อปีเท่านั้น

– มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ค้างชำระเกิน 3 เดือน กับ 2 ธนาคารขึ้นไป และไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ มีธนาคารที่เข้าร่วมคลินิกแก้หนี้ ทั้งหมด 17 ธนาคาร ประกอบด้วย

– ธนาคารกรุงเทพ

– ธนาคารไทยพาณิชย์

– ธนาคารกสิกรไทย

– ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

– ธนาคารกรุงไทย

– ธนาคารทหารไทย

– ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย

– ธนาคารไอซีบีซี

– ธนาคารเกียรตินาคิน

– ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์

– ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย)

– ธนาคารธนชาต

– ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย

– ธนาคารทิสโก้

– ธนาคารยูโอบี

– ซิตี้แบงก์

– แบงก์ออฟไชน่า

เงื่อนไขของการเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้

– ลูกหนี้ต้องไม่ก่อหนี้ใหม่เพิ่มในระยะเวลา 5 ปี

– พร้อมเรียนรู้การสร้างวินัยทางการเงินที่ดี

– เสียดอกเบี้ยเฉลี่ย 4-7% ต่อปี (ตามช่วงรายได้) ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี

อัตราดอกเบี้ยการผ่อนชำระตามช่วงรายได้

– ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน ไม่เกิน 30,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 4%

– ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 30,000–50,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 5%

– ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 50,000–100,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 6%

– ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 100,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 7%

ประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับ

ถ้าเข้าร่วมโครงการนี้ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ คือ

– ไม่ถูกทวงถามหนี้จากเจ้าหนี้หลายราย

– ลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือน เพราะชำระเฉพาะเงินต้นค้างชำระ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราผ่อนปรนไม่เกิน 7% ตามช่วงรายได้ ระยะเวลาผ่อนชำระได้ไม่เกิน 10 ปี

– เป็นการรวมหนี้ และผ่อนชำระในที่เดียว

– รู้จักวางแผนทางการเงินที่ดี

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการที่ www.คลินิกแก้หนี้.com, www.debtclinicbysam.com

และ 02-610-2266 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น.

ใครมีหนี้อยู่ ก็มาเข้าคลีนิครักษาโรคกันด่วนๆเลยนะคะ จะได้หายจากการเป็นหนี้สักที….ขอให้โชคดีไม่มีหนี้กันทุกนนะคะ

ขอบคุณที่มา : drama-thailand.com