เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ปัญหาที่น่าปวดหัวของพ่อแม่สมัยนี้อย่างนึงก็คือการที่ลูกของเราไม่เห็นค่าของเงิน เมื่อลูกไม่เห็นคุณค่าของเงิน เวลาที่เราสอนให้ออมเงินหรือให้ใช้เงินประหยัดก็เรียกได้ว่าไม่เป็นผลเลย ทำให้เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆ เพราะส่งผลต่อมุมมองหรือแนวคิดของลูกๆเลยในอนาคต วันนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่าจะทำอย่างไรให้ลูกน้อยของเราเห็นคุณค่าของเงินได้ว่า

ปัญหาเริ่มแรกของการที่ลูกเราไม่เห็นค่าของเงินเลยก็คือ เวลาที่ลูกของเราเพื่อไปทำอะไรสักอย่าง สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำก็คือการยื่นเงินให้ทันทีหรือเปล่า? ถ้าใช่สิ่งแรกที่ควรเปลี่ยนก็คือตรงนี้ เพราะตัวเด็กจะรู้สึกว่าเงินหามาง่าย แค่… เอ่ยปากและแบมือก็จะได้เงินตามที่ต้องการเพื่อไปซื้อขนมหรือไอศรีมตามที่อยากกิน

เราต้องลองเปลี่ยนเป็นเวลาที่ลูกอยากได้อะไรให้มีสิ่งแลกเปลี่ยน โดยสิ่งแลกเปลี่ยนนั้นอาจจะไม่ต้องยากเช่น ไปซื้อของมาให้แม่ ไปรดน้ำต้นไม้ ช่วยคุณพ่อล้างรถหรือถ้าเป็นของชิ้นที่ใหญ่ขึ้นหน่อยก็อาจจะเป็นการที่ตั้งใจเรียนให้ได้ผลการเรียนดีดีเพื่อมาแลกของที่อยากได้

เพื่อให้เด็กๆ เกิดความรู้ว่าจากเดิมที่เงินหาง่ายเป็น เงินก็ไม่ได้หามาง่ายๆ นะ ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อแลกมาเหมือกัน หรือถ้าจะสอนให้รู้จักออมเงินเช่น ถ้าลูกเรามีสิ่งของที่อยากได้แทนที่จะให้เงินไปซื้อโดยทันที ก็ให้รู้จักหยอดกระปุกเพื่อเก็บเงินไปซื้อสิ่งของที่อยากได้เป็นต้น

จากนั้นหลังที่เราสอนให้ลูกรู้จักการเก็บเงินแล้วสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือสอนลูก “ใช้เงิน” สิ่งนี้เป็นสิ่งที่โรงเรียนในปัจจุบันไม่มีการสอน ดังนั้นจำเป็นจะต้องเป็นหน้าที่ของคุณพ่อและคุณแม่ในการสอนใช้เงิน ว่าใช้เงินอย่างไรให้คุ้มค่า

เช่นเวลาไปเดินช้อปปิ้งซื้อของเข้าบ้านเช่นพวกผงซักฟอก ก็สอนให้เด็กๆ รู้จักการเปรียบเทียบการซื้อแบบไหนที่คุ้มค่าที่สุด โดยการเทียบราคาต้องปริมาณเป็นต้น การซื้อ 1 กิโลกรัม ราคา 100 บาท แต่ถ้าซื้อ 10 กิโลกรัม ราคา 800 บาท ถ้าเป็นของที่ไม่เน่าเสียหรือสามารถเก็บได้นานก็อาจจะซื้อปริมาณที่เยอะขึ้นก็เป็นได้

และถ้าเป็นไปได้ก็พยายามสอนให้รู้จักเรื่องของการลงทุนเล็กๆ น้อยๆ เริ่มต้นง่ายจากการพาไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อเก็บเงินก่อน หลังจากที่สอนเก็บเงินในกระปุกออมสิน แล้วเมื่อออมเงินได้สักพักก็อาจจะเริ่มสอนเรื่องการลงทุนตั้งแต่เด็กๆ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าลงทุนยิ่งเร็วมากเท่าไหร่โอกาสที่เราจะใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งมีมากเท่านั้น