เพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ได้นำเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่ประสบอุบัติเหตุ เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2560 พ่อแม่ลูกถูกรถหกล้อของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ระดับมหาชนแห่งหนึ่งพุ่งชน จนทำให้เด็กชาย 2 ขวบ ต้นขาขวาหัก ซึ่งหากเด็กไม่ได้นั่งคาร์ชีท อาจเสียชีวิตได้ แต่ทางบริษัทกลับนิ่งเฉย ทางเพจจึงนำเรื่องราวมาเผยแพร่ เพื่อทวงถามหาความรับผิดชอบหลังจากนิ่งเฉยไปหลายเดือน…
โดยทางเพจระบุว่า
#รถหกล้อบริษัทเฟอร์นิเจอร์ดังชนเด็กขาหัก #บริษัทไม่รับผิดชอบส่งแต่กระเช้าผลไม้ #เด็กขาหักใส่เฝือกครึ่งตัว #ผ่านไปสามเดือนไร้เงาคนเยียวยา
สวัสดีคะ ตัดสินใจว่าจะส่งข้อความหาควีนดีไหมอยู่หลายเดือน มันเป็นเรื่องที่อัดอั้นในใจมานาน เรื่องเกิดตั้งแต่ 10 กพ 60 ครอบครัวเรา 3 คนพ่อแม่ลูก โดนรถหกล้อของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ระดับมหาชนแห่งหนึ่งชน เหตุการณ์นั้นทำให้ลูกของเราวัย 2 ขวบ ขาต้นขวาหัก หากลูกเราไม่นั่งคาร์ชีท น้องคงตายคะ
เหตุการณ์ตามลิงค์นี้ ขออนุญาติแปะคะ
https://www.facebook.com/supachok.pichetkul/posts/10155061630999275
หลังเหตุการณ์ผ่านมาเกือบอาทิตย์ ทางบริษัทส่งคนมาเยี่ยมพร้อมกระเช้า 1 ครั้งที่ รพ. เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวคะ ส่วนคนขับไม่มาเลย มีโทรมา 2 ครั้ง และบอกว่าต้องทำงาน ไม่มีเงินมาเยี่ยม
น้องนอน รพ.อยู่ 3 สัปดาห์เต็ม ในสภาพที่ต้องเข้าเฝือกครึ่งตัว ตั้งแต่ใต้ราวนม ถึงข้อเท้าขวา ช่วงแรกน้องปวดขามาก ต้องให้ยาแก้ปวดตามชั่วโมงตลอด พยาบาลบอกเป็นมอร์ฟีนอ่อนๆ คนเป็นแม่ฟังแล้วเจ็บยิ่งกว่า ในขณะที่พิมอยู่นี่ แม่ก็น้ำตาไหล มันเป็นฝันร้ายของครอบครัวเราจริงๆคะ
ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ได้จาก พรบ. และส่วนที่เกิน ประกันรถยนต์ของบริษัทหกล้อจ่ายคะ
หลังจากออก รพ มา เราทวงถามความรับผิดชอบจากบริษัทรถหกล้อ โดยติดต่อผ่านไลน์ของฝ่ายทรัพย์สินของบริษัท (คนที่เอากระเช้ามา รพ.) ได้เพียงคำตอบว่า ส่งเรื่องให้ผู้ใหญ่แล้ว ผ่านไปนานสองนาน ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่มีสปิริตอะไรออกมาจากทางบริษัทเลย เราจึงปรึกษากับทนาย (เราจ้างทนายไว้เพื่อไกล่เกลี่ยตั้งแต่แรก) สรุปได้ว่าทนายจะยื่นโนทิส เพื่อทวงถามความรับผิดชอบ โดยในโนทิสมีรายการแจกแจงรายละเอียดค่าความเสียหายต่างๆ
หลังบริษัทได้โนทิส ทางบริษัทจะให้เราเดินทางไปคุยกับฝ่ายของเขา ที่บริษัทของเขา โดยในขณะนั้น ลูกเราถอดเฝือกแล้ว แต่ยังเดินไม่ได้ กล้ามเนื้อน้องไม่มีแรง เราแจ้งว่าไม่สะดวก ฝ่ายกฎหมายของบริษัทเขา จึงมาคุยกับเราที่บ้าน
วันที่เขามา บังเอิญน้องนอนหลับอยู่ เขาเดินผ่านไปโดยไม่ถามอะไรถึงอาการน้องเลย แน่นอนเขามามือเปล่า เพราะเขาอาจจะไม่ได้คิดว่าเป็นการเยี่ยม หรือทางบริษัทอาจจะไม่ได้สั่งมา
เขามาเพื่อคุยเรื่องตัวเลข โดยที่เขาก็ไม่ได้ทราบเหตุการณ์อะไรมาก และขอความเมตตาจากเราว่าให้เข้าใจทางบริษัทด้วย ว่าเหตุมันเกิดจากพนักงาน เราถามเขากลับว่าคุณขอความเมตตาจากเราซึ่งเป็นผู้เสียหาย แล้วตั้งแต่เกิดเรื่องมาทางบริษัทคุณเมตตาอะไรเราบ้าง ก่อนกลับเขาต่อรองตัวเลขลงจำนวนนึง เราถามเขาว่าคุณมีอำนาจตัดสินใจแทนบริษัทเรื่องตัวเลขหรอ เขาบอกเขาจะยื่นผู้ใหญ่ให้ เราตกลงโอเค ตามที่เขาขอลดลง
หลังจากนั้นไม่นาน ฝ่ายกฎหมายติดต่อเรามา และบอกว่า ทางผู้ใหญ่ปฏิเสธ และให้เพียงความรับผิดชอบในวงเงินของประกันเขาเท่านั้น
ฝ่ายกฎหมายยังให้ความเห็นมากับเราอีกว่า ถึงจะยื่นตัวเลขมาใหม่อีกกี่ครั้ง ก็อาจจะยาก อาจจะไม่ได้ และทำให้เสียเวลา ถ้าฟ้องศาลไปเลยก็ดี เพราะบริษัทของเขา เป็นบริษัทมหาชน มีกรุ๊ปย่อยหลายกรุ๊ป หากเขาจะจ่ายอะไร ต้องมีที่มาที่ไป เพื่อเอาไปแถลงได้
อัพเดทตอนนี้ เราก็ให้ทนายจัดการเรื่องฟ้องอยู่ ทนายแจ้งว่าคงหลายเดือนหน่อย เพราะศาลก็คิวยาว
ที่พิมมาทั้งหมด แค่อยากให้ควีนช่วยแชร์เรื่องราวนี้ออกไป โซเชียลมันมีพลังมาก และควีนมีมันอยู่ในมือ เราอยากจะรู้ความคิดเห็นของคนอื่น ว่าในสังคมตอนนี้ มันกลายเป็นเรื่องปกติแล้วใช่ไหม กับการที่ชนคนแล้วปล่อยเบลอ ไม่เยียวยา ไม่อยากยุ่ง สำหรับเรา ลูกเรามีค่ามากที่สุด ต้องมาเห็นเขาทรมานขนาดนี้ แต่มันไม่มีค่าในสายตาคนอื่นเลย เรารู้สึกเหมือนลูกเราเป็นมด เป็นแมลง ที่ขับชนแล้วก็ผ่านไป ถ้าไม่ฟ้องศาล ก็คือต้องนอนหลับไปกับคำว่าซวยใช่ไหม ยิ่งคู่กรณีเป็นบริษัทใหญ่ คุยกับใครก็เหมือนเท่านั้น เพราะเค้าก็เป็นแค่พนักงาน ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจอะไร เผื่อโพสนี้มันจะถูกแชร์ไปผ่านตาผู้บริหารเขาบ้าง เขาอาจจะไม่รู้รึเปล่า ตรงนี้เราก็ยังแอบมองในแง่ดี
คิดซะว่าทำบุญกับเด็กนะคะ มีควีนเพจเดียวที่ช่วยได้คะ ขอบคุณควีนมากคะ?
ที่มา – แหม่มโพธิ์ดำ
by TVPOOL ONLINE