เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวที่น่าอึ้งมาก เมื่อชายหนุ่มชื่อ “Mark Andre” (มาร์ค อังเดร) ได้เดินเข้าไปในป่าเพื่อทำสัญลักษณ์บนต้นไม้ในผืนป่าของชุมชนอาร์เคตา สหรัฐอเมริกา ระหว่างนั้นเขาได้พบกับบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่ เขาจึงเข้าไปดูใกล้ๆ มาร์ค พบกระท่อมหลังเล็กๆ มันถูกสร้างขึ้นบนคอนกรีตบล็อก ผนังทำด้วยไม้อัด และมีผ้าผืนแผ่นพลาสติก เขาจำได้ว่าตัวเขาเองเคยเข้ามาในป่านี้เมื่อปี ค.ศ. 1985 ซึ่งตอนนั้นไม่มีกระท่อมหลังนี้อยู่อย่างแน่นอน เมื่อแอบมองเข้าไปข้างใน ต้องบอกเลยว่าไม่ใช้กระท่อมธรรมดาๆแน่ มาร์คเลยเกิดคำถามว่ามันมาได้อย่างไง และใครเป็นเจ้าของ มาร์คจึงตามเจ้าหน้าที่ประจำป่าและตำรวจพื้นที่ให้มาช่วยดู จากนั้นพวกเขาก็มาถึง และตัดกุญแจที่ล็อคอยู่หน้าบ้าน เข้าไปโดยไม่รอหมายค้นใดๆทั้งสิ้น แต่เมื่อเข้าไปกลับเจอของเครื่องใช้จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านเป็นใคร แต่เขาคงเป็นคนที่มีระเบียบมาก ทุกอย่างเรียงกันสวยงาม นอกจากนี้ยังพบเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อรอยัลพิมพ์อีกด้วย และพบตะเกียงไฟน้ำมันก๊าซ เตาขนาดเล็ก บนชั้นวางหนังสือ พบหนังสือดังเรื่อง Catch Me If You Can. และพจนานุกรม , หนังสือเกี่ยวกับสมุนไพร และยังพบเทปสะสมที่บอกได้เลยว่าเจ้าของกระท่อมเป็นคนที่มีอารมณ์สุนทรีย์อย่างมาก แต่ละเพลงคลาสสิคสุดๆ ยังพบ “สิ่งที่ต้องทำและต้องเอามา” ที่ทำค้างไว้แค่ครึ่งเดียว เจ้าของกระท่อมนี้ต้องเคยอยู่ที่นี่จนถึงปี 2011 เพราะมันเป็นพื้นที่ห่างไกล จึงไม่มีใครมาห้ามไม่ให้เข้ามาสร้างกระท่อมในนี้ และยังเจอเรื่องที่ถูกเขียนทิ้งไว้ในเครื่องพิมพ์ดีดที่มีหัวเรื่องว่า “Different Everywhere” เป็นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสังคมของผู้ที่แตกต่างโดนเอาเปรียบ หลังจากนั้นทีมสืบสวนจึงทิ้งใบเตือนให้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและให้ย้ายออก และไม่กี่วันพวกเขาทั้งหมดก็กลับมาที่กระท่อม แต่ทว่าที่เคยมีอยู่นั้นได้หายไป มันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่มีการค้นย้ายออกโดยที่ไม่มีใครรู้และไม่มีใครเห็นเลย เจ้าของบ้านทิ้งของไว้สองอย่างคือ แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตในป่าพร้อมกับสิ่งเล็กน้อย และสัญลักษณ์ มันเป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึง “การจับจอง” เป็นการยึดสถานที่ให้เป็นที่อยู่อาศัยตัวด้วยการจองมอง แต่ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ คือสถานะของผู้อาศัย
Cr. LifeBUZZ
by TVPOOL ONLINE













