เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีที่รัฐบาลเปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยอีกครั้ง หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมานั้นยังมีประชาชนรายได้น้อยที่ไม่ได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้เรียกประชุมกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจ การคลัง (สศค.) กระทรวงแรงงาน และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) เพื่อติดตามความคืบหน้าการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจนถึงขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 10 ล้านราย คาดว่าเมื่อครบกำหนดลงทะเบียนจะมีถึง 15 ล้านราย โดยแยกกลุ่มผู้มีรายได้น้อย 2 กลุ่ม ได้แก่ คนยากจนรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี หรือต่ำกว่าเส้นความยากจน และรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี โดยจะช่วยดูแลให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปีจะมีการแจกเงินให้ดำรงชีพอยู่ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาของกระทรวงการคลัง

ด้าน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า การแจกเงินให้ผู้มีรายได้น้อยเป็นแนวคิดที่อยู่ระหว่างพิจารณา เพราะคนยากจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี ไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากรายได้น้อยเกินไป รัฐบาลจำเป็นต้องไปดูแลโดยการแจกเงินนั้นมีแนวคิดเติมวงเงินเข้าในบัตรสวัสดิการทุกเดือนเพื่อให้ไปใช้ดำรงชีพ ซึ่งผลสรุปต้องรอดูผลการลงทะเบียน และงบประมาณที่ต้องดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ถือว่ามีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปีต้องเป็นคนที่ไม่สามารถดำรงชีพได้จริง กรณีมีคนอุปถัมภ์ เช่น นักเรียน นักศึกษา จะไม่ได้รับการช่วยเหลือเพราะมีพ่อแม่ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว โดยตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติมีผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปีอยู่ 4 ล้านคน แต่ต้องมาตรวจสอบจากการลงทะเบียนอีกครั้งว่ามีจำนวนเท่าไร

ขณะที่สวัสดิการให้กับผู้ลงทะเบียนทั้งหมดยังคงเหมือนเดิม คือ รถเมล์ รถไฟฟรี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส และให้วงเงินซื้อปัจจัย 4 ในร้านธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งที่ผ่านมาใช้งบส่วนนี้ 3 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่เมื่อรวมการช่วยเหลือแจกเงินอาจจะใช้งบสูงขึ้น ซึ่งไม่มีปัญหาเพราะงบประมาณ 61 มีการกู้ขาดดุลเพิ่ม 4.5 แสนล้านบาท เพียงพอที่จะจัดสรรงบบางส่วนมาเพิ่มเติมการให้สวัสดิการผู้มีรายได้น้อย

นายอภิศักดิ์กล่าวอีกว่า ได้ประชุมกับนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อหารือเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยวางกรอบมาตรการที่ออกมาจะต้องสนับสนุนแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มคุณภาพ เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า รวมถึงลดปริมาณปลูกพืชส่วนเกินไปปลูกพืชที่มีรายได้มากกว่า ทั้งนี้จะไม่ใช่มาตรการจำนำข้าวอีกต่อไป เนื่องจากมีปัญหาและรั่วไหลมาก โดยขณะนี้ได้ให้ ธ.ก.ส.ไปหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มเติม

Cr. Tnew

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online