เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

 

เราทุกคนล้วนมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดในทุกๆ เรื่อง และสิ่งที่มาคู่กัน คืออุปสรรคที่เราต้องฝ่าฟัน บางคนยอมถอดใจตั้งแต่เจออุปสรรคแรก แต่หลายคนก็ฝ่าฟันทุกอุปสรรคจนถึงเส้นชัยแห่งความสำเร็จ เหมือนดั่ง นายอนุสรณ์ วงศ์อ๊อด นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ชายผู้เป็นตัวอย่างแห่งความพยายามของใครหลายคน ผู้ที่ไร้ขาทั้งสองข้าง ไม่มีแขนขวา และมีแขนซ้ายเกือบถึงข้อมือเท่านั้น

อนุสรณ์ เริ่มต้นเรียนรามคำแหงด้วยระบบ Pre-degree พร้อมๆ กับเรียนชั้น ม.ปลาย ในระบบการศึกษานอกโรงเรียน เพียรพยายามจนสามารถเข้าเป็นนักศึกษาปริญญาตรีของ ม.รามคำแหง และเลือกเทียบโอนเข้ามาในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่แล้วความพยายามก็เหมือนอ่อนล้าลง ในวันที่การเรียนปริญญาตรีกินเวลามากว่า 3 ปี อนุสรณ์ พบว่าตัวเองเก็บหน่วยกิตไปได้เพียง 17 หน่วย เขารู้สึกว่าตัวเองเลือกเส้นทางผิด สิ่งที่เขาเลือกตอนนี้อาจไม่ใช่ความถนัดของเขา

“ผมเรียนการศึกษานอกระบบมาตั้งระดับประถม เริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นอยู่หลายปี แต่ก็ตระหนักได้ว่าการศึกษาจำเป็นต่อเรามาก เมื่อคิดได้เช่นนี้ การเก็บหน่วยกิตจากกระบวน Pre-degree ของ ม.รามคำแหง น่าจะช่วยร่นระยะการเรียนของผมได้ แต่ผ่านไป 3 ปี ผมเก็บได้แค่ 17 หน่วยกิต ผมย้อนถามตัวเองว่านี่คือทางของเรามั้ย ทั้งท้อและหมดหวัง แต่พอนึกถึงคำพูดที่ว่า ไม่มีอะไรที่มนุษย์เราทำไม่ได้ ก็มีแรงผลักดันขึ้นมาอีกครั้ง”

คำพูดประโยคนั้นทำให้ อนุสรณ์ มีความพยายามและมีความตั้งใจเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า พร้อมๆ กับกำลังใจจากเพื่อน พี่สาว และอาจารย์ ทำให้ความท้อแท้ในตอนนั้น แปรเปลี่ยนเป็นภูมิคุ้มกันความท้อถอย จากเรื่องที่คิดว่าทำไม่ได้ ไม่ใช่สิ่งที่ตนถนัด กลายเป็นงานที่สร้างรายได้ระหว่างเรียน ซึ่งอนุสรณ์ทำงานเกี่ยวกับกราฟิกในคอมพิวพ์เตอร์ พร้อมๆ กับตั้งใจเรียน มุ่งมั่น ทำตามเป้าหมายอย่างสุดความสามารถ

“ฉันอยากเห็นนายใส่ชุดครุย”

คำพูดสั้นๆ และกำลังใจที่คอยอยู่เคียงข้าง จากอาจารย์อัณณ์นุพันธ์ รอดทุกข์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ เป็นจริงแล้วในวันนี้ ความพยายามตลอดทั้ง 6 ปี การีนตีด้วยชุดครุยสีส้มเหลืองที่กำลังสวมใส่ และแม้ชุดนี้จะสั้นกว่าของเพื่อน ไม่ได้ต่อแถวเข้าห้องประชุมกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่สิ่งทุกคนมองเห็น ก็คือความตั้งใจและแรงแห่งความมุ่งมั่นที่เป็นเหมือนเส้นด้ายถักทออยู่บนชุดครุย สง่างาม ทรงคุณค่า ไม่แพ้คนไหนๆ

ขาที่ต่อขาเทียมแล้ว ยังสั้นกว่าคนอื่นเขา แขนสองข้างที่เคยหยิบจับในวันก่อนๆ ไม่ได้มีครบในวันนี้ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พิสูจน์ให้ได้เห็นว่าสิ่งที่ขาดหาย ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จ เพียงแค่ยอมรับและอยู่กับสิ่งที่เหลือ อยู่กับร่างกายที่ไม่เคยทรยศเรา อยู่กับหัวใจที่ยังเต้นในทุกวินาที และดีใจเหลือหลาย ที่วันนั้น … วันที่ชีวิตเหมือนอยู่ในจุดต่ำสุด ไม่เลือกที่จะหยุดลมหายใจ

ย้อนไปเมื่อ 17 ปีก่อน อุบัติเหตุจากรถไฟพรากอวัยวะที่สำคัญของเขาไป ทุกอย่างหยุดนิ่งและชีวิตกลับอยู่จุดที่เหมือนเริ่มใหม่ จากที่เคยมีก็หายไป แต่สิ่งที่ไม่เคยหายไปไหน คือกำลังใจและความพยายามที่มีอยู่ในใจเสมอมา ให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้าย สิ่งที่ปฏิบัติในทุกวันนี้คือความจริง มีพี่สาวคอยอยู่เคียงข้าง เป็นทั้งกำลังใจ และมือช่วยฉุดรั้งให้ลุกยืนอีกครั้ง

“ตอนช่วงอายุ 15-16 ปี ผมตกรถไฟ เสียขาและแขนอย่างไม่วันเอาคืนมาได้ ทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมท้อแท้และถอดใจกับหลายๆ เรื่อง วูบหนึ่งเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่พอได้กำลังใจและคำพูดเตือนสติ ผมมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหา ทำให้ความท้อถอยในวันนั้น เป็นพลังให้ผมถึงวันนี้ พยายามฝึกฝนจนเป็นเคยชิน กลายเป็นความสามารถของผม และจะพัฒนาไปเรื่อยๆ”

อนุสรณ์ได้รับการดูแลจาก ม.รามคำแหง ด้วยทุนเรียนฟรีตลอดจนจบการศึกษา และความสามารถของเขา ยังคว้าทุนเรียนต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมๆ กับช่วยงานวิจัยในคณะไปด้วย ความสำเร็จที่เราทุกคนได้เห็น เราเองก็สามารถคว้ามาไว้ในมือได้

อนุสรณ์ได้ฝากกำลังใจและให้ข้อคิดไว้ด้วยว่า “เราทุกคนมีสิ่งที่เหมือนกัน คือความตั้งใจ แต่อาจมีเหตุผลบางอย่างมาทำให้ความตั้งใจนั้นคลาดเคลื่อน ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรที่ยากเกินไป ทั้งเรื่องเรียนและการใช้ชีวิต ผมเชื่อว่าทุกคนประสบความสำเร็จได้ ถ้าตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะทำ”

ที่มา – มติชน