เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2560 ชาวโลกโซเชี่ยลจำนวนนับพันคนได้เข้าไปชมและแชร์ พร้อมแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “เจ๊ เมย์ลูกแม่ค่าคลาสสิกค” นักศึกษา กศน.ซึ่งได้โพสต์ภาพและข้อความวิงวอนขอความช่วยเหลือจากตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย “ระบุขอความช่วยเหลือหน่อยค้ะ” แม่หนูโดนผ.ญ2คนเป็นแม่กับลูกเค้าเอาน้ำร้อนราดและเอาเหล็กและเก้าอี้ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดที่หน้าสนามกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่13 มิถุนายน 2560 เมื่อเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ เหตุเกิดแม่ค้ารุมตีกันผู้ใดที่ถ่ายคลิปไว้ ช่วยส่งคลิปให้หนูหน่อยค้ะ “ขอความเห็นใจด้วยน้ะค้ะ” ว่าจะไม่โพสต์ แต่หนูต้องการคลิปนั้นจริงๆค้ะ หรือใครพอเห็นเหตุการณ์ ช่วยแจ้งหนูด้วยน้ะค้ะ
เพราะตอนนี้คนร้ายยังไม่ถูกดำเนินคดีสงสารหนูเถอะ หนูปล่อยให้เรื่องนี้เงียบมาเป็น10กว่าวันล่ะ ไม่มีอะไรเคิบหน้าเลย ตอนนี้แม่หนูอยู่โรงพยาบาล แม่หนูนอนทรมานมาก ขอบคุณค้ะ เกิดเหตุเพราะเค้าเคยทะเลาะกับแม่หนู ครั้งหนึ่งแล้วตำรวจมาเคลียให้ เเล้วก็เงียบกันไป เเล้วพอมาวันที่ 13 แม่หนูพูดถึงเรื่องจัดที่ขายของกับเพื่อนอีก 2 คน บอกว่าใครไปถึงก่อนตั้งก่อนเค้าจัดกันไว้เเล้วที่สนามกีฬาเค้าจัดเต็มแล้ว แล้วฝั่งนู้นลูกเค้าเข้าใจผิดว่าแม่หนูจะจัดเค้าเลยถือเหล็กมา ส่วนแม่เค้าถือเก้าอี้ แล้วก็มีปากเสียงกัน แม่หนูคว้าไม้ป้องกันตัว แต่ก็ไม่ได้ตีเค้า เค้าสองคนรุมตีแม่หนู พอมาช่วงเอาน้ำร้อนราดลูกเค้าดึงผมแม่หนูและเอาตีนเหยีบคอแม่หนูไว้ แล้วแม่เค้าเอาน้ำร้อนราดเค้าบอกเอาแม่หนูให้ตายและ เค้าบอกว่าถ้าใครเข้ามาช่วยเค้าเอาให้ตาย ด้วยค้ะ ในตอนนี้แม่หนูเหมือนตายทั้งเป็น ใครไม่เป็นเหมือนแม่หนูไม่รู้หรอกคะ”
โดยมีภาพประกอบเกือบ 10 ภาพ ซึ่งเป็นภาพที่แพทย์ พยาบาล รพ.มหาราช จ.นครศรีธรรมราช กำลังช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกน้ำร้อนราดจนพุพองไปทั้งตัวเกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่หน้าอก ท้อง ตะโพก และขาทั้งสองข้าง ซึ่งแพทย์ได้ใช้ผ้าก๊อตพันเกือบทั้งตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อคล้ายมัมมี่ ในขณะที่ศรีษะถูกตีด้วยของแข็งจนเป็นแผลฉกรรจ์อีกด้วย ซึ่งผู้คนจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็นและตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ กับผู้ต้องหาทั้ง ๆ ที่เวลาผ่านมา 2 อาทิตย์แล้ว
ต่อมา น.ส.สุดารัตน์ เพียรไทย อายุ 16 ปี เจ้าของเฟซบุ๊ก “เจ๊ เมย์ลูกแม่ค่าคลาสสิก” ได้ร้องเรียนศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวีดนครศรีธรรมราช ขอความช่วยเหลือ โดยกล่าวว่า ผู้บาดเจ็บคือ นางรัตนา บุญทา อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นแม่ของตน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. 2560ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เลย ในขณะที่คนร้ายสองแม่ลูกซึ่งเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวก็ยังออกไปขายก๋วยเตี๋ยวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยการกระทำของสองแม่ลูกแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเหี้ยมโหดมาก ๆ ในขณะนี้แม่ของตนหวาดผวาอย่างหนัก เพราะถูกสองแม่ลูกแม่ค่าก๋วยเตี๋ยวข่มขู่ว่าจะตามฆ่าให้ตาย ตนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใครอีกแล้ว เพราะครอบครัวเราเป็นคนมาจากต่างจังหวัด แม่มีลูก 3 คนแยกไปมีครอบครัวหมดแล้ว รวมทั้งตนอาศัยอยู่บ้านแฟนที่ จ.กระบี่ ส่วนแม่จะเช่าบ้านใกล้กับวิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราชตรงข้ามสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราชเพียงคนเดียว แม่ประกอบอาชีพขายชาไข่มุก ชื่อ “เจ๊แหม่มชาไขมุก” โดยตระเวนขายตามหน้าสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่วเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะบริเวณหน้าสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้างโรงเนียนศรีธรรมราชศึกษา และตรงข้ามกับวิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช
ทางด้านนางรัตนา บุญทา ที่นอนรักษาตัวที่ รพ.มหาราช กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุโรงเรียนใกล้เลิกตนและเพื่อนรวม 4 คนได้นั่งคุยกันถึงเรื่องการค้าขาย เพื่อน ๆ ของตนซึ่งเพิ่งเริ่มประกอบอาชีพค้าขายหาบเร่ แผงลอยได้ถามตนว่าหน้าสนามกีฬากลางขังหวัดนครศรีธรรมราชเขาจัดแย่งพื้นที่ค่าขายกันอย่างไร ตนจึงตอบว่าทางเจ้าหน้าที่เขาประกาศให้ทราบโดยทั่วกันแล้วว่าใครมาก่อนก็เลือกที่วางขายได้ก่อน เขาไม่ได้จัดสรรพื้นที่แต่อย่างใด ตนพูดแค่นั้นทำให้ น.ส.ก้อย และ นางอู๊ด สองแม่ลูกที่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ใกล้ ๆ กับร้านของตนแสดงความไม่พอใจกล่าวหาว่าตนไปพูดจาแขวะเขา จึงตรงเข้าว่าและรุมชี้หน้าด่าทอและพยายามจะเข้ามารุมทำร้าย ตนจึงคว้าไม้มาถือเพื่อป้องกันตัว แต่ตนก็ไม่กล้าทำร้ายเขา จนกระทั้งสองแม่ลูกได้ตรงเข้ามาจิกผม ตบตีตนอย่างโหดร้ายทารุณ และนางอู๊ด ได้ใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดตนอย่างไม่ยั้ง ในขณะที่ น.ส.ก้อนใช้เหล็กแป๊บตีบริเวณศรีษะของจนจนตนล้มลุกคลุกคลาน น.ส.ก้อยจึงตรงเข้ามาใช้เท้าเหยียบคอตนเอาไว้
“ในขณะเกิดเหตุเพื่อน ๆ ของตนได้ยกมือไว้ขอร้องไม่หยุดทำร้ายตน โดยบอกว่าสงสารพี่แหม่มพอแล้วอย่าอะไรแกอีกเลย แต่สองแม่ลุกไร้ความปราณีได้คว้าหม้อน้ำร้อนของร้านขายยำมาเทราดทั่วตัวของตน ซึ่งตนได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก ไม่สามารถลุหนีได้เพราะถูก น.ส.ก้อย เหยียบคอเอาไว้ จนแทบหายใจไม่ออก จึงได้แต่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด แสบร้อน อย่างไรก็ตามตนก็พยายามรวบรวมสติจดจำเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ทั้งหมด โดยเพื่อนของตนได้เข้ามายกมือไหว้สองแม่ลูกจอมโหดอีกว่าพอแล้ว พี่แหม่มเขาบากดเจ็บสาหัสแล้ว แต่ น.ส.ก้อยยังเหยียบคอตนพร้อมขยี้ด้วยความสะใจ ก่อนประกาศว่าจะต้องเอาให้ตายไปเลย หากมันยังไม่ตายก็จะตามฆ่าให้ตายให้ได้ จนต่อมามีชาวบ้านแจ้งเหตุให้หน่วยกู้ภัย ฯทราบมารับตนส่ง รพ.มหาราช”
สาวเคราะห์เหยื่อสองแม่ลูกแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวโหดกล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้มาที่ รพ.มหาราช แต่ไม่ได้สอบปากคำใด ๆ อ้างว่าไม่กล้าเข้าไปดูสภาพของตนเพราะน่าหวาดเสียว พร้อมกับสั่งว่าหากรักษาตัวจนหายเป็นปกติแล้วให้ตนไปพบที่โรงพัก เพราะเรื่องนี้ น.ส.ก้อย และ นางอู๊ด สองแม่ลูกแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวไปแจ้งความไว้แล้วในข้อหาทะเลาะวิวาท หลังจากนั้นตำรวจก็ไม่ได้มาสอบสวนปากคำอะไรตนอีกเลย แม้ตนบาดเจ็บถูกพันด้วยผ้าก๊อตทั้งตัว แต่ตนยังมีสติยังสามารถให้การเล่าเหตุการณ์พร้อมระบุตัวคนร้ายได้ จนเวลาผ่านมาหลายวันตนโทรไปสอบถามพนักงานสอบสวนและบอกว่าคดีนี้หากตำรวจยังไม่ดำเนินการอะไรให้ตนจะต้องสื่อมวลชนและหน่วยเหนือต่อไป ทางพนักงานสอบสวนมีอาการไม่พอใจและท้าทายว่าจะไปร้องที่ไหนก็เชิญตามสบาย
นางรัตนา กล่าวด้วยน้ำตานองใบหน้าอีกว่าตนถูกกระทำอย่างโหดร้ายทารุณ โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ทำกันได้ถึงขนาดนี้ และกระทำท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมาก หลังเกิดเหตุหวังพึ่งตำรวจแต่ตำรวจเขาไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลย กลับพยายามเข้าข้างคนร้าย ทำให้ตนกลัวว่าคดีนี้จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจ ที่สำคัญคนร้ายสองแม่ลูกยังออกไปขายก๋วยเตี๋ยวที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนจึงให้ลูกสาวที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดผลัดเปลี่ยนเฝ้าตนอย่างใกล้ชิดเพราะคนร้ายสองแม่ลูกประกาศจะตามฆ่าให้ตาย ตนหวาดผวากลัวจนไม่กล้านอนหลับกลัวจะโดนสองแม่ลูกตามฆ่าให้ตายตามที่ประกาศไว้ จึงอยากจะกราบวิงวอนผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองโปรดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนโดยด่วนด้วยเถิด นางรัตนา กล่าวในที่สุด.
ที่มา: tnews