เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

27 มิ.ย.60 ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1626/57  ที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือท็อป มือปืนป๊อบคอร์น อายุ 27 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุน

ตามฟ้องของอัยการโจทก์เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 57 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.57 จำเลยใช้อาวุธปืนยาวไม่ทราบชนิดยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม นปช.บริเวณห้างไอที.สแควร์ส แยกหลักสี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นเหตุให้นายอะแกว แซ่ลิ้ว ถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย จำเลยปฏิเสธ
ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 มี.ค.59 เห็นว่า พยานหลักฐานของอัยการที่เป็นพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบิกความสอดคล้องเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนหาคนร้ายสวมเสื้อยืดชุดดำ และชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพกับเป็นผู้นำชี้จุดเกิดเหตุ จึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับคนร้ายที่สวมชุดดำ ที่มือสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขียวเหลือง โดยการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรม จึงให้จำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนักสุด และฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน จำคุก 6 ปี แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ มีเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกฐานฆ่าผู้อื่น 33 ปี 4 เดือน และความผิดฐานพกพาอาวุธปืนจำคุก 4 ปี รวมจำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน ต่อมานายวิวัฒน์ จำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า หลังเกิดเหตุ ตำรวจติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุยิงใส่ผู้ชุมนุม ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และชายแต่งกายด้วยชุดดำสวมหมวกไหมพรม จากนั้น นำภาพมาเปรียบเทียบ กับจำเลย หลักฐานดังกล่าว จึงไม่อาจยืนยันได้ว่า ภาพจากกล้องวงจรปิด และตัวจำเลยนั้น เป็นคนๆ เดียวกัน เห็นว่าโจทก์ มีเพียงภาพจากสื่อมวลชน ไม่มีพยานบุคคลมายืนยัน มีเพียงคำให้การของจำเลยที่ให้การรับสารภาพ ซึ่งมีพิรุธเคลือบแคลงสงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัย ให้จำเลย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ ไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยไว้ ระหว่างฎีกา
ขณะที่ น.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว บุตรสาวนายอะแกว ผู้เสียชีวิตซึ่งขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจไม่คิดว่าศาลจะยกฟ้อง หลังจากนี้จะขอให้ทนายความสู้คดีถึงที่สุด ซึ่งหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม โดยคดีนี้จับคนร้ายได้เพียงคนเดียว ขณะที่เหตุการณ์ในวันนั้น นายอะแกว บิดาได้มาหาตนที่ทำงานแล้วถูกลูกหลงเสียชีวิต ซึ่งบิดาไม่เคยไปร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มใดเลย

 

by TVPOOL ONLINE