เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

มีรายงานข่าวว่า นางมณียา ศรีคง อายุ 30 ปี พา ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี ไปสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ เพื่อเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ เอาผิดกับนาย ก ครูประจำหอพักและเป็นครูฝ่ายปกครอง โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 20 ที่ทำโทษด้วยการใช้หวายเฆี่ยนตีลูกชาย จนก้นเป็นรอยไหม้เขียวช้ำห้อเลือดนั่งและนอนหงายไม่ได้เจ็บปวดทรมาน

ทั้งนี้ ด.ช.เอ ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก ฟังว่า ตนเองเป็นนักเรียนประจำ เรียนอยู่ชั้น ม.1 โดยเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 60 ที่ผ่านมา เวลา 3 ทุ่ม เพื่อนรุ่นพี่ที่อยู่หอพักเดียวกันใช้ให้ตนไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตอยู่บนหลังทีวี ซึ่งถ้าตนไม่ไปหยิบก็จะถูกรุ่นพี่ตบเอา แต่ขณะที่ตนเองเดินไปหยิบโทรศัพท์ ครูฝ่ายปกครองประจำหอพัก ก็เดินเข้าไปในห้องพอดี ตนวิ่งไปที่เตียงนอนไม่ทันจึงวิ่งไปที่เตียงนอนของเพื่อน

ครูจึงถามตนว่า ไปนอนเตียงเพื่อนทำไม มันผิดกฎระเบียบของหอพักเพราะจะคุยกันเสียงดัง เพื่อนคนอื่นๆ จะไม่ได้หลับได้นอน หลังจากนั้น ครูก็เรียกนักเรียนที่นอนอยู่ในห้องนอนทั้งหมด 27 คน ให้ยืนขึ้นและทำโทษโดยการเฆี่ยนด้วยหวายที่ก้นคนละ 1 ที ซึ่งหลังจากทำโทษเสร็จ ครูก็สั่งให้นักเรียนทุกคนไปนั่งที่หน้าเตียงนอนของตัวเอง

หลังจากนั้น ครูก็กลับมาถามตนเรื่องความผิด 4 ข้อหา คือ 1.เรื่องไปนอนที่เตียงตัวเองไม่ทัน 2.บนที่นอนผ้าห่มมีกลิ่นปัสสาวะ 3.บนที่นอนมีแป้งหกใส่ 4.ไปนอนเตียงเพื่อน ดังนั้นตนจึงต้องถูกทำโทษมากกว่าเด็กคนอื่นๆ อีก 3 ครั้ง รวมแล้วตนถูกเฆี่ยนด้วยหวายที่ก้น 4 ที พอครู ตีเสร็จก็ให้ทุกคนนอน

ตนเองรู้สึกเจ็บปวดจะนอนหงายหรือนั่งก็ไม่ได้ ต้องนอนคว่ำหน้าร้องไห้ตลอดทั้งคืนจนเป็นไข้ กระทั่งเช้าวันเสาร์ที่ 15 ก.ค. ตนได้ยืมโทรศัพท์เพื่อนโทรศัพท์ไปหาแม่ว่าตนเองไม่สบายอยากกลับบ้าน เที่ยงของวันที่ 16 ก.ค. แม่จึงได้ไปหาตนที่โรงเรียน

ด้าน นางมณียา ผู้เป็นแม่เล่าต่อว่า เมื่อตนไปเห็นรอยไหม้เขียวช้ำที่ก้นของลูกชาย ก็รู้สึกโมโหมากและคิดว่าครูทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่า มันแรงเกินไป อยากรู้เหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร จึงโทรศัพท์ไปหาครู แต่ครูไม่รับสายแถมตัดสายทิ้งอีก จึงตัดสินใจพาลูกไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้

ต่อมาวันที่ 1 ส.ค. พนักงานสอบสวน สภ.สลุย ได้นัดตนและครูไปพบ แต่ครูให้ทนายความไปแทน โดยทนายคนนั้นบอกว่า ถ้าอย่างไรเสียก็ไปสู้กันในชั้นศาล ดังนั้นในวันนี้ตนจึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ และยืนยันว่าจะเอาเรื่องครูให้ถึงที่สุด ส่วนลูกชายขณะนี้ได้ย้ายออกจากโรงเรียนดังกล่าว นำไปเรียนต่อที่โรงเรียนใกล้บ้านเรียบร้อยแล้ว

ด้าน น.ส.ชนัญชิดา สุดรอด  เจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็ก บ้านพักเด็กจังหวัดชุมพร กล่าวว่า หลังรับเรื่องแล้วในบ่ายวันนี้ก็จะนำตัวทั้งแม่และเด็ก ไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดชุมพรเพื่อสอบสวนตามป.วิอาญา ต่อหน้าอัยการ ตามหลักสหวิชาชีพ คือต้องมีนักสังคมสงเคราะห์ อัยการ พนักงานสอบสวน สภ.สลุย ที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อความถูกต้องชัดเจนก่อนที่จะรวบรวมสำนวนพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลดำเนินคดีกับครูคนดังกล่าวต่อไป

ที่มา – mthai