เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

งานนี้กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากกับประเด็นร้อนในโลกโซเชี่ยลขึ้นมาทันที หลังจากที่ “รายการคมชัดลึก” ได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ นายตำรวจระดับรองผู้กำกับท่านหนึ่ง ที่ไปเปิดร้านขายราดหน้า ซึ่งทางรายการได้สัมภาษณ์ถามถึงเรื่องเงินเดือนว่าใช้เท่าไหร่ พอใช้มั้ย และอยากจะได้เพิ่มสักเท่าไหร่ถึงจะพอใช้ โดยนายตำรวจท่านนี้เล่าว่าตนเองจบโรงเรียนนายร้อยมา เริ่มแรกเลยได้รับเงินเดือน 8,000 บาท เป็นตำรวจมา 23 ปี จนปัจจุบันได้รับเงินเดือนจำนวน 36,000 บาท และเงินค่าประจำตำแหน่งอีก 3,500 บาท ซึ่งรวมแล้วเดือนนึงจะได้รับเงินเดือนประมาณ 40,000 บาท ซึ่งนายตำรวจท่านนี้บอกว่าไม่พอใช้จ่าย

เนื่องจากตนมีลูกสามคนซึ่งกำลังอยู่ในวัยเรียนทั้งหมด จึงมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเทอมสูง และตนก็ยอมรับว่าอยากจะให้ลูกๆได้เรียนหนังสือในโรงเรียนที่ดี ซึ่งมันก็ต้องมีค่าแป๊ะเจี๊ยะ หรือ เงินใต้โต๊ะนั่นเอง แต่ตนก็ต้องเลือกที่จะเสียเพราะว่าอยากจะให้ลูกเข้าไปเรียนเพื่อที่ต้องการให้ลูกมีอนาคตที่ดี ตนจึงต้องการให้มีการเพิ่มเงินเดือนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะโดยส่วนตัวคิดว่าถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นแล้ว จะทำให้ลดปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องโกงกิน,เรื่องตีไก่ รวมถึงเรื่องจราจรที่ปรากฏอยู่ในโลกโซเชี่ยลมากมาย อีกทั้งในเรื่องของการทำงานตนเองก็มีลูกน้อง เราก็เข้าใจว่าระบบข้าราชการในการเบิกงบต่างๆ บางทีก็ไม่ได้ดั่งที่ใจเราต้องการ บางครั้งเราเองก็ต้องเอาเงินสำรองของตัวเองออกไปเพื่อให้งานมันสามารถไปต่อได้

แต่ถ้าได้รับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นคิดว่าเจ้าหน้าที่ก็จะมีขวัญกำลังที่ดี มีใจรักในการบริการมากขึ้น ซึงในปัจจุบันที่ตนต้องหันไปขายราดหน้าเป็นอาชีพเสริม ก็เพราะตนมีค่าใช้จ่ายสูงทั้งเรื่องการศึกษาของลูกรวมถึงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนี้เผยว่าผลตอบแทนในการขายราดหน้าต่อหนึ่งเดือน เขามีรายได้ที่มากกว่าเงินเดือนถึงสามเท่า ก็เท่ากับเดือนละแสนกว่าบาทเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะลาออกจากการเป็นตำรวจเพราะเขามีความภูมิใจในอาชีพตำรวจ รวมถึงพ่อก็เป็นตำรวจ และเขาเองก็ถูกอบรมสั่งสอนฝึกฝนมาให้เป็นตำรวจเพื่อดูแลประชาชน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในปัจจุบันนั้นไม่เหมือนกับในอดีต

ความคิดเห็นชาวเน็ต