เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันนี้เรื่องเล่าเขย่าต่่อมเผือกของเจ้ จะพูดถึงประเด็นร้อนๆ เรื่องนี้สักหน่อย เพื่อให้เข้ากระแสเผือกร้อนทีสุดของวันนี้(29 ส.ค.60) หากจะนับช่วงเวลาดู ก็ 10 กว่าปีมาแล้วที่แวดวงทีวีไทย รวมถึงวงการสื่อมวลชน ได้ยินชื่อของผู้ชายหน้าตี๋ ใส่แว่น พูดจาฉะฉาน เสียงดัง ฟังชัด ที่ชื่อ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ บุคคลากรคุณภาพ ของวงการข่าว ที่มีอิทธิพลมากที่สุดของประเทศคนหนึ่ง นั่งนับนิ้วดุก็เป็นเวลากว่าปีเศษแล้วที่“สรยุทธ”หายไปจากหน้าจอไป เพราะคดีประวัติศาสตร์สะเทือนไร่ส้ม  หลายคนรู้กันว่ามันเป็น วิบากรรมครั้งใหญ่สุดในชีวิตที่เขาต้องเผชิญ

 เพราะวันนี้(29 ส.ค.60) ตอน 09.00 น. นักข่าวทุกสำนัก ไปรอกันแน่นที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเพื่อฟังคำตัดสินของศาลฯ เพื่ออ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีค่าโฆษณาเกินเวลามูลค่า 138 ล้านบาทของ บจก. ไร่ส้ม และ พนักงาน อสมท

“สรยุทธ สุทัศนะจินดา” จำเลย และพิธีกรข่าวชื่อดัง ได้เดินทางมาถึงศาลฯ ในเวลาประมาณ 9.00 น. โดยใช้ประตูด้านหลังศาลและเข้าห้องพิจารณาทันที  เพราะบริเวณด้านหน้าศาลมีนักข่าวจำนวนมากมายมหาศาล มาปักหลักรายงานข่าวกันแบบแน่นไปหมด

นักข่าวบอกว่า“สรยุทธ”มีสีหน้าวิตกกังวลกับการพิจารณาคดีวันนี้ แต่ก็มีทีมพิธีกรข่าวของรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ มาให้กำลังใจ พร้อมร่วมเข้าฟังการอ่านคำพิพากษาด้วย

โดยศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนคดีแล้วพิเคราะห์ว่า การอุทธรณ์ของ จำเลย(สรยุทธ) ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมานั้นชอบแล้ว จึงพิพากษายืนให้จำคุกตามศาลชั้นต้น ’13 ปี 4 เดือน’ งานนี้ สรยุทธ ยื่นเงินประกันตัว 4 ล้านบาท รอศาลฏีกาตอบกลับอนุญาตให้ประกันหรือไม่ ระหว่างนี้ต้องรอผลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อีกหนึ่งสัปดาห์คงได้คำตอบว่าจะเป็นยังไง

หนึ่งในประโยคที่นักข่าวได้ยินจากปากของ”สรยุทธ”เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังเปิดใจกับนักข่าวถึงการใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่านมาว่า

 “ช่วงนี้ก็…คนมีคดีนะครับ จะมาบอกว่า สบายใจก็คงไม่ใช่ ฉะนั้นก็คงบอกแต่ว่า ทุกอย่างที่เราได้ทำมา เราทำเต็มที่ สิ่งที่เราทำมาก็น่าจะเป็นประโยชน์ที่ทำให้สังคมได้เห็นบ้าง และน่าจะได้เห็นเจตนาเราว่ามันเกิดอะไรขึ้นอย่างไร ก็อยู่ว่างๆ ครับ”     

หากจะลองมองย้อนกลับไป กว่า  29 ปีบนเส้นทางสื่อมวลชนของสรยุทธ มีทั้งจุดพีคสุด และขาลงสุดๆ  ที่ต้องเผชิญชะตากรรมทางคดีอย่างหนัก บทสรุปของคดีวันนี้ จึงเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของกรรมกรข่าวที่ชื่อ“สรยุทธ”แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

สรยุทธ  เป็นคนข่าวคุณภาพที่ได้รับป๊อปปูล่าร์มากในหมู่คนดูที่ชอบการเสพข่าว ดังเทียบเท่าซุปตาร์ระดับดาราหรือนักร้องของเมืองไทยเลย คือเรียกว่าไม่มีคนข่าวคนไหนจะพีคเท่าเค้าอีกแล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ด้วภาพลักษณ์ที่ชัดเจน  สไตล์การเล่าข่าวที่ตรงไปตรงมา ดุดัน โดนใจคนดู ทำให้เกิดกระแสสรยุทธ ฟีเวอร์อย่างแรงถึงขนาดในปี 2548 รายการทีวีชื่อดังอย่าง แฟนพันธุ์แท้ ได้จัดการแข่งขันในตอนของสรยุทธอีกด้วย

ถ้ามองดู ลีลาและสไตล์การเล่าข่าวของเขาต้องใช้คำว่า ‘จัดจ้าน-ครบเครื่อง “เป็นตัวของตัวเอง ในแบบที่“กิตติ สิงหาปัด” หรือ”กนก รัตน์วงศ์สกุล” ไม่มี

พูดง่ายๆภาษาชาวบ้าน คือใครอยากดัง หรือ เป็นกระแส ต้องร้องเรียนหรือให้เป็นข่าว ‘ถึงสรยุทธ’ ให้ได้ นั่นแหละจะดังจริง

ก่อนจะมาทำงานกับวิกพระรามสี่ “สรยุทธ” เคยสวมบทบาทเป็นคนกลาง เชิญผู้ร่วมสนทนาจากทุกฝ่ายมานั่งถกบนโต๊ะกลมในรายการเวลาดึกอย่าง ถึงลูกถึงคน  ให้อสมท และนั่นคือจุดที่เกิดเรื่องราวในวันนี้ทั้งหมด

 

เรื่องราวชีวิตของ สรยุทธ ก็น่าที่ง  เพราะเจ้าตัวเรียนจบ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) เมื่อปี 2530

ก้าวแรกของการทำงานคือวันที่ 5 พฤษภาคม 2531  สตาร์ทด้วยอาชีพนักข่าวสายการเมือง โดยเขาเริ่มงานกับหนังสือพิมพ์ The Nation  โดยทำข่าวสายรัฐสภาเป็นเวลา 2 ปี และทำข่าวสายทำเนียบรัฐบาล 2 ปี

ต่อมาในปี 2535 ได้ประจำกองบก. ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง และในปี 2537 ได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นหัวหน้าข่าวการเมือง จนในปี 2540 ได้มาเป็นบรรณาธิการข่าวและจัดรายการวิเคราะห์ข่าวให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ สุดท้ายเป็นรองบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ The Nation และลาออกจากเครือเนชั่นในเวลาต่อมา

มีคนบอกว่า คนเราโชคชะตาฟ้าลิขิตแล้วให้เราเป็นแบบที่เบื้องบนต้องการ และ  เวทีแจ้งเกิดทางหน้าจอของสรยุทธคือช่อง  iTV ในฐานะนักวิเคราะห์ข่าวทางโทรทัศน์

 ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นยังมีรายการข่าวที่ทำร่วมกับช่อง 9 อสมท. ในชื่อ คุยคุ้ยข่าว รวมถึงรายการ ถึงลูกถึงคน ทั้งสองรายการนี้ส่งให้ชื่อของสรยุทธ สุทัศนะจินดา โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ

หลังการรัฐประหารในปี 2549 มีการเปลี่ยนแปลงในช่อง 9 ทั้งสองรายการถูกยุติบทบาท สรยุทธจึงย้ายมาประจำการที่ช่อง 3 จัดรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ และ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์  ทำให้ก้าวขึ้นสู่จุดของคนข่าวที่พีคที่สุดของวงการสื่อฯ

 

ไม่ใช่แค่การเป็นนักวิเคราะห์ข่าว หรือผู้ประกาศข่าวที่ดี สิ่งที่ สรยุทธทำได้ดี ก็คือบทบาทของ ‘นักเขียน’ ด้วย มีผลงานทั้ง การเป็นคอลัมนิสต์ในนิตยสาร ในหนังสือพิมพ์ และผลงานหนังสือเล่มที่มีชื่อเสียงก็คือซีรีส์ กรรมกรข่าว มี 4 เล่ม ได้แก่ กรรมกรข่าว, กรรมกรข่าว 2 งานรับเหมา, คุยนอกสนาม และ กรรมกรข่าว 3

ส่วนบริษัทไร่ส้ม ก่อตั้งขึ้นภายหลังสรยุทธลาออกจากเนชั่น และดำเนินกิจการต่อจากนั้นมา พอดังแล้วมีเม็ดเงินที่สูงขึ้น เข้าทำนอง ยิ่งสูงยิ่งหนาว  และหลังจากนั้นทุกอย่างก็หลั่งไหลเข้ามา รวมถึงวิบากกรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของของ“สรยุทธ” พรุ่งนี้จะมาว่ากันต่อ ว่าเพราะอะไร จุดลงเอยของกรรมกรข่าวคนนี้ ถึงได้มีบทสรุปแบบที่ไม่มีใครคาดคิดเช่นนนี้ 

Cr.เจ้เจือก เผือกทุกเรื่อง