เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 แอปเปิลเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2017 ของแอปเปิล โดยงานจัดขึ้นที่หอประชุม Steve Jobs Theater ที่ Apple Park สำนักงานใหม่ของแอปเปิลในแคลิฟอร์เนียภายในงานแอปเปิลได้เปิดตัวสินค้าใหม่อีกหลายชิ้น เช่น Apple Watch Series 3 รุ่นใหม่, Apple TV 4K และ iPhone X โดยในปีนี้เป็นปีแรกที่แอปเปิลไม่ได้ออก iPhone รุ่น S ออกมาวางจำหน่าย ซึ่งข้ามไปเป็น iPhone 8 และ iPhone 8 Plus รูปร่างคล้ายๆหน้าตาคล้ายๆ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่มีอัปเกรด และปรับปรุงใหม่
ดีไซน์และหน้าจอ
iPhone 8, iPhone 8 Plus ยังจะใช้การออกแบบเหมือนกับ iPhone 7, iPhone 7 Plus อยู่ โดยหน้าจอยังใช้ขนาด 4.7 นิ้วใน iPhone 8 และ 5.5 นิ้วสำหรับ iPhone 8 Plus แต่เปลี่ยนหน้าจอใหม่ Retina HD พร้อมการแสดงผลแบบ True Toneและทั้งคู่ยังมีปุ่ม Home และ Touch ID เหมือนเดิม เคลือบสี 7 ชั้น เป็นรอยได้ยาก เปลี่ยนวัสดุด้านหลังตัวเครื่องให้เป็นวัสดุกระจกเพื่อรองรับการชาร์จไร้สายผ่านแท่นชาร์จเหมือน Apple Watch และกรอบตัวเครื่องอาจใช้เป็นโลหะทำให้พื้นผิววัสดุโดยรวมเหมือน iPhone 4s ส่วนตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี คือ สีเทาสเปซเกรย์ สีเงิน และสีทอง
กล้องใหม่
กล้องของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีความละเอียด กล้อง 12 ล้านพิกเซล ซึ่งเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ที่ใหม่กว่าคือ ระบบเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าและเร็วกว่า image signal processor พัฒนาโดย Apple เองสามารถประมวลผลพิกเซลขั้นสูง, ออโต้โฟกัสที่เร็วขึ้นในที่แสงต่ำ, ภาพถ่าย HDR ที่ดียิ่งขึ้น, True Tone Flash ใช้แอลอีดีสี่ตัว พร้อมระบบ Slow Sync เพื่อให้แสงทั้งในหน้าฉากและหลังฉากที่ดียิ่งขึ้น จึงทำให้ได้ภาพที่มีชีวิตชีวา, สีที่สมจริง และรายละเอียดที่มากยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์ Portrait Lighting ใช้กล้องคู่ในการระบุฉากเพื่อสร้าง depth map และแยก subject ออกจากพื้นหลัง ใช้ machine learning ในการสร้าง facial landmark และจัดแสงที่หน้าคนเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในแบบเรียลไทม์
กล้องรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K @ 60fps และ Slo-Mo รองรับการถ่ายที่ 1080p @ 240fps ตัว video encoder ที่ออกแบบโดย Apple เองสามารถวิเคราะห์ภาพและการเคลื่อนไหวได้แบบเรียลไทม์เพื่อปรับปรุงคุณภาพของวิดีโอ
กล้องใหม่ของ iPhone ยังสามารถใช้งานกับ AR ได้ดียิ่งขึ้น กล้องแต่ละตัวจะคาลิเบรตแยกกัน ด้วย gyroscope และ accelerometer แบบใหม่ทำให้สามารถติดตามการเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น ซีพียู A11 Bionic ใช้ในการประมวลผลข้อมูลแวดล้อมในโลกแห่งความจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ได้ประสบการณ์ AR ที่สมจริงมากยิ่งขึ้น
สเปคดีกว่าเดิม
สำหรับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มาพร้อมซีพียูตัวใหม่ A11 Bionic แบบ 6 แกน โดยมี performance core สองตัวที่เร็วกว่าเดิม 25% และ efficiency core สี่ตัวที่เร็วกว่าเดิม 70% จึงทำให้ชิพนี้มีทั้งประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานที่ดี ทำงานแบบมัลติเทรดได้ดีขึ้น 70% ส่วนจีพียูแบบสามคอร์ที่ให้ประสิทธิภาพกราฟิกที่เร็วขึ้น 30% ชิพเหล่านี้จะช่วยเป็นพลังประมวลผลให้ระบบ machine learning, Augmented Reality (AR) และเกมแบบสามมิติสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น ยังคงมีคุณสมบัติการกันน้ำกันฝุ่น สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP67 สามารถกันฝุ่นได้ 100% และกันน้ำที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร นาน 30 นาที
ระบบเสียง
ลำโพงสเตอริโอถูกปรับปรุงใหม่จาก iPhone 7 ทั้งบนและล่าง ดังขึ้น 25% ทำให้การถ่ายทอดเสียงเบสได้ลึกกว่าเดิม ช่วยให้เพลิดเพลินไปกับการฟังเพลง ดูวิดีโอ หรือคุยโทรศัพท์ผ่านสปีกเกอร์โฟนในแบบที่ชัดเจนกว่าเดิม
ระบบชาร์จไร้สาย
iPhone 8 และ iPhone 8 Plus รองรับระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย ใช้มาตรฐาน Qi จึงสามารถใช้งานกับที่ชาร์จมาตรฐาน Qi ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดได้ทันที และ Apple ก็ได้เปิดตัวที่ชาร์จ AirPower สำหรับชาร์จอุปกรณ์พร้อมกัน ทั้ง iPhone, Apple Watch และ AirPods พร้อม ๆ กันได้
ความจุ และราคา
iPhone 8 มีความจุให้เลือก 2 รุ่น คือ
64GB ขายที่ราคา 699 ดอลลาร์
256GB ขายที่ 849 ดอลลาร์
iPhone 8 Plus จะมีความจุ 2 รุ่นคือ
64GB ขายที่ราคา 799 ดอลลาร์
256GB ขายที่ราคา 949 ดอลลาร์
เปิดให้สั่งจอง 15 กันยายนนี้ ส่วนวันขายจริงในต่างประเทศคือ 22 กันยายน สำหรับราคาและวันวางจำหน่ายในไทยให้รอประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
by TVPOOL ONLINE










