เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

กลายเป็นสตรีข้ามเพศที่รวยที่สุดของอาเซียน สำหรับ “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ผู้บริหารคนเก่ง แห่ง บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าของบริษัทที่ถือครองลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลก เป็น CEO ของบริษัทมูลค่านับพันล้าน ล่าสุดก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถูกตีมูลค่าบริษัทเกือบ 5 พันล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งรายการ “เปอร์-สเปกทีฟ” โดยพิธีกร “เปอร์ สุวิกรม” ได้เกาะติดชีวิตในวันเปิดงานสุดอลังการ Mega Showcase ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ด้วยการทุ่มงบถึง 15 ล้านบาท พร้อมเปิดใจทุกเรื่อง

โดย “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ผู้บริหารคนเก่ง แห่ง บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า “เป็นความดีใจมาก วันนี้เกือบ 5 พันล้านแล้ว ต้องบอกว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ เพราะคอนเทนต์ผลิตจากไทยโดย เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด มหาชน ถึงเวลาซะที่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก คอนเทนต์ คือ อาหารสมอง อาหารอารมณ์ มันคือยาเสพติดทางสายตา วัตถุประสงค์ที่หนึ่งคือว่าเราทำสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ยิ่งใหญ่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการผลิตก็จะไปสู่คนทั่วโลกได้มากขึ้น เพราะเรามีกำลังผลิตอะไรมโหฬารมหาศาล ความอลังการงานสร้างของคนไทย ก็จะไปสู่คนทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น อย่างที่สาม เราได้สำนักข่าวที่เป็นเบอร์หนึ่งของโลก สำนักข่าวเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อว่า CNBC ตัวนี้แป็นเบอร์หนึ่งและเราได้ลิขสิทธิ์มา 10 ปีและนำมาทำเป็นสำนักข่าว CNBC ฉบับภาษาไทยทุกกรณีคนไทยอ่าน ข่าวไทยสำหรับตลาดไทย นักลงทุนไทย แต่วิธีการทำงานเป็นแบบฉบับอเมริกัน เพราะฉะนั้นทุกอย่างเรียกได้ว่าเป็นฉบับสากลโลก เจเคเอ็นคือพัฒนาจากจุดที่เรียกได้ว่าเป็นประเทศไทย ไปสู่เอเชียแปซิฟิก และไปสู่ระดับโลกในที่สุด งานในวันนี้ไม่ใช่เวทีสำหรับนักแสดงฟันน้ำนม สิ่งที่ทำคือซูเปอร์มาร์เก็ตติ้ง งานระดับโลก เราทำการค้ากับใคร เราต้องทำให้เขาประสบความสำเร็จและร่ำรวย นั่นคืองานของเรา ถ้าเขาไม่รวย ถือว่างานเรายังไม่สำเร็จ”

ฝังใจกับการถูกตราหน้า “เป็นตุ๊ดไม่มีวันเจริญ”

“จริงๆ เป็นคนเกิดในร้านวิดีโอ เป็นอาตี๋คนโตของบ้าน มีพี่น้องสองคน มีน้องสาวอีกคนหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราต้องเพอร์ฟอร์มความเป็นลูกชาย ทุกวันที่กลับมาจากการเรียนหนังสือ เราจะหยิบวิดีโอมานั่งดู แต่การนั่งดูวิดีโอเหล่านั้น ทำให้เราเดินทางไปสู่สหรัฐอเมริกา ไปรัสเซีย อังกฤษ ทำให้เราเห็นสังคมอื่น และรู้สึกว่าเขาเปิดกว้าง มันมีสนามที่ฟังเรา ไม่ได้กดดันเรา ไม่ได้บอกเราผิดเราถูก เราไม่ทันพูดแต่พิพากษาเราไปแล้ว คนเราเป็นตุ๊ดที่โรงเรียนจะถูกแกล้งและมักจะถูกพูดเสมอว่าเป็นตุ๊ดไม่เจริญ เป็นอะไรที่ฝังใจตลอดเวลา สิ่งที่กดดัน เราเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันทันที เราต้องให้แรงบันดาลใจตัวเองด้วยการบอกว่าเปลี่ยนปมด้อยให้เป็นปมเด่นเดี๋ยวนี้ ซึ่งการเป็นผู้นำที่ดีคือการออกไปเป็นพลับบลิก สปีกเกอร์ ไปแข่งโต้คารมมัธยมศึกษานะ ถ้าเป็นนางงามก็เป็นนางงามร้อยเวที แน่นอนว่าแสดงออกไม่ได้เลย ไปโรงเรียนเป็นสาว แต่กลับบ้านก็แมนเลย(หัวเราะ) พ่อแม่ทุกคนรู้เพียงแต่ว่ามีความหวังและพยายามจะข้ามผ่าน แต่เราก็พยายามนะ เราก็กตัญญูนะ แต่มันเลิกไม่ได้ เราก็พยายามเปลี่ยนมาก เราแก้ปัญหาด้วยการเรียนให้เก่ง เป็นคนเก่งของสังคม ทั้งต่อหน้าที่บ้าน ทั้งต่อหน้าโรงเรียน มันเป็นความคิดของเด็กคนหนึ่งที่รักดี มีจิตกตัญญู ทำยังไงก็ได้ให้พ่อแม่ภูมิใจ”

เปลี่ยนความอดทนเป็นความกล้า

“ไปยื่นใบลาออกที่โรงเรียน แล้วเอาใบลาออกไปยื่นให้ป๋าดู แล้วบอกว่าถ้าไม่ให้ไปเรียนต่างประเทศก็ไม่ได้เรียนแล้วนะ เขาอึ้งไปเลย ตอนนั้นรู้ว่าเขาพอส่งได้ เราก็ตั้งเป้าว่าไปปุ๊บฉันต้องทำงาน และหางานโดยการนั่งรถเมล์ไปทั่วๆ ซิดนีย์ ตรงไหนบอกเป็นแหล่งคนรวยอยู่มากสุด พอบอกก็ลงเลย ไปปั๊มน้ำมัน ถามว่ารับคนอีกมั้ยคะ ก็ทำงานวันศุกร์คืนเดียว 7 เหรียญ ก็พัฒนาเป็น 13 เหรียญ แล้วพัฒนาเป็นศุกร์เสาร์อาทิตย์ ไปที่โน่น ยิ่งมีความสุขในชีวิตมาก เป็นสาวเลย”

ตอนนั้นมีความฝันอะไรเกี่ยวกับความสำเร็จในวันนี้

“ตอนนั้นอยากเป็น โอปราห์ วินฟรีย์ ของเมืองไทย ไปดูที่โน่นทุกวัน หลังจบการเรียน นั่งดูเหมือนคนบ้า นั่งร้องไห้ทุกวัน เขามีประวัติคล้ายๆ กับเรา เขาคิดคล้ายๆ กับเรา เขาโดนกดดันตั้งแต่เด็ก เขาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของเรา เราก็จัดรายการมาตั้งแต่บีบีซีโฟกัส แล้วมาจัดรายการท่องเที่ยวคุยกับจักรพงษ์ และผันตัวเองเป็นผู้ส่งออกคอนเทนต์ไปมุมต่างๆ ของโลก”

ปั้นหินให้เป็นทองคำ อายุ 21 ซื้อคอนเทนต์สารคดีที่อังกฤษมีเงินเก็บ 10 ล้าน

“ก็เปิดเข้าเว็บไซต์เลย พอมาเปิดเป็นม้วนวิดีโอแล้วขายไม่ได้เลย ส่วนใหญ่ไปร้านเช่าต้องเป็นภาพยนตร์ฝรั่งฟอร์มยักษ์มหันตภัย แต่เราผ่าเหล่าผ่ากอ ใครเขาดูกัน ก็กลุ้มใจมาก ก็คิดอะไรไม่ออก ตีสองตีสาม ก็เจอจอร์ชกับซาร่า คืนที่หนึ่งสองสามสี่ จอร์จซาร่าก็ใช้ลู่วิ่งตัวเดิมนะ ทำไมอ่ะ ติดต่อเขาหน่อยดีกว่า ติดต่อก็โอเค พอเริ่มขายปุ๊บก็ตกใจ เราติดต่อทีวีไดเร็ก ตอนอายุ 21 เงินเก็บ 10 ล้าน ติดใจเอามาเป็นขบวนเลย มันดีในระดับหนึ่งแต่เริ่มดร็อปไปเรื่อยๆ ตอนอายุ 25 ก็นั่งคิดว่าสิ่งที่เราขายอยู่ไม่ใช่น่าจะเป็นม้วนวิดีโอ สิ่งที่เราขายคือสิ่งที่อยู่ในม้วนวิดีโอ นั่นคือคอนเทนต์ ตลาดคอนเทนต์มาเก็ตมันหลายแสนล้าน ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ จีน มันมีเยอะมาก เราเดินทางอุตลุตเลยนะ เราก็คิดว่าเราเอาคอนเทนต์มาขายดีกว่า ขายกลุ่มโฮมวิดีโอก่อน ตอนนั้นมีคนที่เขาทำอยู่แล้ว แต่เวลาไปตลาดที่เดียวกัน คนจะมองต่างกัน และนำมาปั้นต่างกัน เรามักปั้นก้อนหินให้กลายเป็นทองคำเสมอ”

เดินไปบอกพ่อ “ลูกป๋าเป็นผู้หญิง” แม่รับไม่ได้ ไม่คุย 3 ปี เพิ่งกราบขอขมาแม่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมานี้

“ตอนอายุ 35 กลายเป็นอาเจ้ไปเลย พ่อแม่แยกทางกัน มาถึงจุดที่เราน่าจะมีอิสระของตัวเองได้บ้าง ก็เดินไปบอกกับคุณพ่อ ลูกคนนี้เป็นผู้หญิงนะป๋า เขาก็บอกว่าแน่ใจนะ เราก็บอกแน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์ แกก็อึ้งไปสักพักหนึ่ง ก็หันกลับมาว่าเป็นลูกที่ดี เป็นลูกสาวของป๋าต่อไปสิ เท่านั้นแหละ เราก็ร้องไห้เลย ดีใจกับสิ่งที่เราได้ยิน เราไม่ได้คุยกับแม่มา 3 ปี แม่รับไม่ได้ อออกจากบ้านเลย เรารู้สึกว่าคงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน3 เดือนที่แล้วก็เพิ่งเข้าไปกราบคุณแม่ เมื่อ 3 เดือนก่อน น้ำตาร่วง แล้วขอโทษขอโพย พูดแบบนี้พูดง่ายนะ สามปีถ้าเป็นลูกบางคนยังทำใจไม่ได้เลยนะ”

ลั่นเกิดอีกกี่ชาติก็จะขอให้ได้เป็นกะเทยเหมือนเดิม

“เกิดอีกกี่ชาติขอให้ได้เป็นกะเทย เหมือนเดิม เพราะหนึ่งอดทนมากกว่าคนปกติ อดทนทุกอย่าง เพราะเราเกิดผิดร่าง สองความคิดสร้างสรรค์ การคิดเอาต์ไซต์เดอะบ็อกซ์ เพราะเราเห็นเหรียญทุกด้าน เราเจอเหรียญเราก็คิดวิเคราะห์ จะเข้าใจและรู้ว่าจะทำยังไงดี ก็คิดสร้างสรรค์โน่นนั่นนี่ เราไม่สติแตกมาก มาอยู่ในโลกความเป็นจริง ตีกรอบให้ชัดเจน คนเป็นเพศปกติเขาจะรู้สึกรักและเคารพเรา สามเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ กล้าคิดกลาพูดกลาทำ ผู้หญิงก็ไม่หมั่นไส้ เพราะไม่ได้รู้สึกว่ามาแย่งอะไรกัน ผู้ชายก็ไม่หมั่นไส้ เดินมาแต่งตัวเฮฮา แต่เขาไม่ได้สติแตก ไม่ได้บ้านะคะ ถ้ารู้จักใช้เพศพันธุ์ให้เป็นประโยชน์ก็หาเงินได้เพียบ”

ไม่คิดแข่งประมูลช่องทีวีดิจิตอล เพราะคิดล้ำกว่านั้น ทุกช่องต้องเป็นลูกค้า

“ไม่คิด ถ้าเราไปเป็นผู้ที่มีสื่อเหมือนกับเขา เท่ากับไปแข่งกับเขาซะเอง ทำไมไม่ลอยเหนือเมฆ อยู่เหนือดรามาทั้งปวง แล้วมองลงมาทุกแฟลตฟอร์ม เขาคือลูกค้าของเรา รับเละเลยมากกว่า ธุรกิจของเขาจะดีมากดีน้อยก็แล้วแต่ แต่จอห้ามดับ สิ่งหนึ่งที่ช่วยเขาได้ทันทีทันใด คือประหยัดต้นทุนเขา แต่เรตติ้งเขาดีกว่าเดิม”

เผยแผนการไปสู่ระดับโลก อนาคตจะผลิตคอนเทนต์เอง

“ซีแอลเอ็มวีก่อน คือจุดที่เราจะเริ่มต้น จะมีละครหลายๆ เรื่องไปขยายประเทศที่ไม่ใช่เฉพาะไทย หมายถึงเวียดนาม เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เริ่มต้นที่ 5 ประเทศนี้ก่อน เรื่องแรกคือพระพิฆเนศ ตอนนี้ไม่ใช่แม่ค้าค้าส่งอย่างเดียวแล้ว แต่ขอเป็นซีแอลเอ็มวี ต่อไปคือทั้งเอเชียแปซิฟิก อนาคตเราจะผลิตคอนเทนต์เอง เรามีเวทีสังเวียนต้องเป็นระดับสากลแล้วค่ะ สถานที่ที่ศาลายา จะเป็นโกลบอล คอนเทนต์ ออฟ เอเชีย ไม่ใช่ไทยแลนด์อย่างเดียวเท่านั้น”

ติดตามเรื่องราวชีวิต ของ “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ได้ในรายการ “เปอร์-สเปกทีฟ” อาทิตย์ที่ 10 ธันวาคมนี้ เวลา 21.00-22.00 น. ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี

TV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool OnlineTV Pool Online