เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

 

        เหตุผลของคนสมัยนี้แปลกขึ้นเรื่อยๆ บางคู่เลิกกันเพราะสัตว์เลี้ยง บ้างก็เลิกเพราะติดเกม แต่ที่เริ่มจะเป็นหนักขึ้นมาอีกกระแสหนึ่ง ก็คือการเลิกกันเพราะโซเชียลนี่ล่ะ มาดูกันว่าทำไมโลกโซเชียลที่สนุกแซบลืมถึงทำความรักคุณพังได้ บอกเลยว่าบางเรื่องเหมือนจะเล็กน้อย แต่นานๆ ไปก็เป็นเรื่องใหญ่ได้นะเอ้อ

 

เล่นโทรศัพท์จนลืมแฟน
เห็นมาดเข้มหน้าขรึมอย่างนั้น ใครจะรู้ว่าในใจเขาอาจจะสะอื้นเป็นแมวป่วยเลยละ ที่เห็นคุณก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์เหมือนเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น ผลการสำรวจเขาบอกว่าผู้หญิงจะเสพติดโซเชียลต่างๆ บนมือถือมากกว่าผู้ชาย จนกลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้แม้แต่กินข้าวกับแฟน เรายังต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ค หนักกว่านั้นคือมีผู้หญิง 1 ใน 5 ที่เล่นมือถือระหว่างมีเซ็กส์ แล้วคิดดูสิว่าแฟนของคุณจะนอยด์หนักขนาดไหน คุณอาจไม่คิดอะไร แต่ถ้าเขาเก็บอารมณ์น้อยใจไว้มากๆ พอมันระเบิดโป๊ะออกมา เขาก็อาจหายหน้าไปโดยไม่บอกอะไรคุณสักคำ นี่ละพิษของโซเชียลมีเดียล่ะ

ปล่อยรูปลับดับจิ้น
ผู้หญิงบางคนชอบส่งรูปหวิว คลิปลับ ไปให้แฟนดู เสร็จแล้วก็ต้องมานั่งเครียดเมื่อแฟนตัวดีทำรูปหลุด เคสแบบนี้โดยมากทั้งสองฝ่ายจะโทษกันเอง โมโหสาดอารมณ์ใส่กันไปมาและจบที่การเลิกราแบบชาตินี้ขอไม่เจอกันอีกเลย หรืออีกเวอร์ชั่นหนึ่งจะเป็นการอัดคลิปด่าแฟนขำขำแล้วแชร์ให้เพื่อนดู แต่ในที่สุดมันก็จะหลุดไปถึงโทรศัพท์ของแฟนจนได้ ไม่เอานะ ใครทำอยู่เลิกเสียเถอะ เพราะทั้งสองแบบนี้ไร้สติกันคนละแบบ แต่ผลลัพท์ที่ได้เหมือนกันเป๊ะ นั้นคือคุณจะต้องเสียความรู้สึก เสียใจ และสุดท้ายก็เสียแฟน เฮ่อ!

ทำไมไม่ตอบกลับ
ผู้หญิงส่วนใหญ่จะตอบคอมเมนท์ทันทีที่ได้รับข้อความ แต่ผู้ชายไม่ได้ดี๊ด๊ากับโทรศัพท์ขนาดนั้น และหนุ่มๆยังสารภาพด้วยว่าเขาไม่ได้พิมพ์คอมเมนท์คล่องเหมือนผู้หญิง ก่อนจะส่งข้อความกลับไปได้เขาต้องใช้เวลาตรึกตรองตั้งสติกันนิดนึง ปัญหาก็เลยเกิด เพราะผู้หญิงมักจะระแวงทันทีว่าทำไมเขาไม่ตอบกลับมา กำลังทำอะไร อยู่กับใครหรือเปล่า ถ้าคุณเป็นหนึ่งในสาวๆ จอมมโนเหล่านี้ ต้องรีบหยุดตัวเองด่วน เพราะถ้ายังปล่อยให้โซเชียลครอบงำต่อไป บอกได้เลยว่าความสัมพันธ์ของคุณไม่รอดชัวร์

เข้าใจไม่ตรงกัน
โซเชียลมีเดียทำคนเข้าใจผิดกันมาเยอะแล้ว เพราะพื้นที่ให้เขียนข้อความมีน้อย คนเขียนจึงต้องพยายามกระชับคำให้สั้นที่สุด จนบางทีอารมณ์ที่เราต้องการจะสื่อก็ไปไม่ถึงคนอ่าน หรือถูกบิดเบือนไปอีกอย่างหนึ่ง ยิ่งผู้ชายเป็นเพศที่ไม่ละเอียดอ่อนเท่าผู้หญิงอยู่แล้วด้วย การเขียนเลยเป็นช่องทางสร้างหายนะขั้นสุด ใครมีแฟนประเภทส่งเมสเสจคุยทีไรเหมือนเขากำลังชวนทะเลาะ ขอแนะนำให้นัดเจอหน้ากันไปเลยดีกว่า การสื่อสารแบบฟูลออพชั่นได้เห็นรอยยิ้ม น้ำเสียง กิริยาท่าทางน่าจะเหมาะกับคู่คุณมากกว่านะ

เปรียบเทียบกับชาวโซเชียล
มีสถิติว่าคนที่เล่นโซเชียลมีความสุขลดลง แต่ระดับความริษยาตาร้อนผ่าวจะพุ่งสูง ชนิดที่ว่าถ้าไปแคสท์ละครก็คว้าบทนางร้ายมาครองสบายๆ เลยละกัน เพราะเวลาลงรูปคนส่วนใหญ่จะพยายามอัพภาพไลฟ์สไตล์สวยๆแพงๆกันสุดฤทธิ์ พอเราเห็นว่าเพื่อนมีแฟนแต่งตัวดี ขับรถคันโก้ พาไปเที่ยวแต่ที่ไฮโซอะโลฮ่า แฟนหนุ่มข้างกายก็จะงานงอก ถูกกดดันว่าจะต้องหล่อต้องรวยประสบความสำเร็จเหมือนเขาบ้าง ถ้าเขาอัพเกรดตัวเองได้ก็ดีไป แต่ถ้าทำไม่ได้ คุณจะเห็นค่าของเขาน้อยลง แล้วความเบื่อหน่ายอยากเปลี่ยนแฟนก็จะตามมา

นักสืบโซเชียล
เพราะไม่มีความลับในโลกโซเชียล สาวๆ หลายคนก็เลยถือโอกาสทำตัวเป็นสปาย คอยเกาะติดชีวิตแฟน ไม่ว่าเขาจะไปไหน ทำอะไร นางเป็นตามเช็กตลอด พอเห็นเขามีเพื่อนผู้หญิงเขามากดไลค์ หรือคอมเมนท์ภาพ ก็เอาแล้ว.. งานโวยมาทันที บางคนแค่คุมแฟนไม่ให้กระดิกตัวอย่างเดียวไม่พอ ยังพยายามอัพภาพรัวๆ เพื่อพรีเซนต์ความสวีทวีดวิ้วให้เพื่อนอิจฉ โดยลืมไปว่าแฟนคุณอาจไม่ชอบที่ต้องอยู่ในสายตาคนอื่นมากขนาดนั้น ใครยังทำแบบนี้อยู่ ขอเตือนว่าเวลาผู้ชายบ่นให้เพลาๆ การอัพภาพบ้าง เขาซีเรียสกว่าที่เราคิดนะ