เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เป็นกระแสที่ถูกจับจ้องมองดูมาพักใหญ่แล้ว สำหรับเรทติ้งช่วงไพร์มไทม์ของช่องใหญ่ๆ โฟกัสกันที่รายการยอดนิยมอันดับ 1 อย่าง “ละครหลังข่าว” ซึ่งเคยโกยเรทติ้งกันสนุก ถึงตอนนี้ดูเหมือนเรทติ้งจะไม่ถล่มทลายเหมือนเดิม ซึ่งหากพิจารณาผ่านตัวเลขเรทติ้งที่รวบรวมข้อมูลย้อนหลังมาจากการสำรวจโดยบริษัทสำรวจเรทติ้งเจ้าดังหนึ่งเดียวในเมืองไทย เอจีบี นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ก็จะเห็นภาพชัด

1. ตัวเลือกมากขึ้น ไม่เพียงช่องดิจิตอลทีวีที่มีตัวเลือกมากขึ้นนับเป็นสิบๆ ช่อง แต่ตัวเลือกจากการให้บริการดูหนัง-ซีรี่ส์ผ่านอินเตอร์เน็ท ที่เรียกว่า OTT  (Over-The-Top) ก็ขยับมาเป็นทางเลือกเพิ่มขึ้น อาทิ ช่อง  Hollywood TV,  iflix, NETFLIX, MONOMAXX, Primetime, Doonee แม้จะต้องเสียค่าสมาชิก แต่ก็แค่หลักร้อยต่อเดือนเท่านั้น นี่ยังต้องรวมไปถึงพวกดูหนัง-ซีรี่ส์ออนไลน์แบบดูฟรีอีกหลายเว็บ

2. คู่แข่งแข็งแกร่งขึ้น ทั้งช่อง ONE ช่อง MONO ช่องเวิร์คพอยท์ ช่อง 8  หันมาใช้กลยุทธ์สร้างคอนเทนต์ให้แข็งแกร่งด้วยความแตกต่างและน่าสนใจ อาทิ นำเอาซีรี่ส์อินเดีย ซีรี่ส์และหนังฝรั่ง ละครพล็อตใหม่ๆ วาไรตี้เกมโชว์ มาประกบละครหลังข่าวช่องใหญ่ ตรงนี้ยิ่งทำให้เรทติ้งละครหลังข่าว  โดนแบ่งเค้กไปเรื่อยๆ  

3. ค่ายผู้จัดปริมาณเยอะดูแลคุณภาพไม่ทั่วถึง การที่มีผู้จัดมากมายหลายสิบเจ้าทำให้การควบคุมดูแลจากทางช่องไม่ทั่วถึง ไม่สามารถลงลึกรายละเอียดในการทำงานได้อย่างใกล้ชิดมากพอ หลายครั้งก็เลยพลาดทำให้คุณภาพไม่ถึงมาตรฐานอย่างที่ละครหลังข่าวของสองช่องใหญ่เคยทำไว้ 

4. เนื้อเรื่องซ้ำซากพล็อตน่าเบื่อ เสียงตำหนิจากคนดูที่ได้ยินบ่อยๆ ก็คือ เนื้อเรื่องซ้ำซาก พล็อตน่าเบื่อ มีแต่ชิงรักหักสวาท น้ำเน่าเคล้าน้ำตาและหลายเรื่องก็ทำมาหลายรอบแล้ว ดูจนทะลุปรุโปร่ง แถมเอามาทำใหม่ก็ไม่ดีเท่าของเก่า  

5. พฤติกรรมคนดูเปลี่ยนไป จากที่เคยนั่งเฝ้าจอทีวีรอดูละคร ก็หันไปนั่งเฝ้าจอคอมพิวเตอร์ เกาะติดจอสมาร์ทโฟน ตามไอจีคนดังบ้าง เล่นเฟสบุ๊คบ้าง ดูละครซีรี่ส์รายการบันเทิงย้อนหลังบ้าง ดูหนังฟรีออนไลน์บ้าง  คนดูละครทีวีเลยลดน้อยลงไป  ส่งผลให้เรทติ้งตกลงเรื่อยๆ