การรับประทานอาหารเช้านอกจากจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น ยังช่วยต่อต้านการแข็งตัวของเลือด เพราะในตอนเช้าเลือดในร่างกายของเราจะแข็งตัวได้ง่ายกว่าปกติ ทำให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองได้น้อยลงซึ่งก่อให้เกิดโรคสมองเสื่อม แต่ถ้าเราไม่ทาน ผลเสียเหล่านี้ก็จะตามมามากมาย อยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. โรคอ้วน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าอดอาหาร ก็ต้องผอมสิ จะอ้วนได้ไง? อ้วนได้สิและอ้วนหนักมากด้วย เพราะถ้าเราไม่ทานอาหารเช้า ระบบเผาผลาญจะทำงานช้าลง หิวอยู่บ่อยๆ ความหิวจากที่ไม่ได้ทานตอนเช้าก็จะไปลงกับมื้ออื่นๆ ทำให้กินเยอะเกินกว่าร่างกายต้องการ จะอ้วนก็ไม่แปลกเลย
2. โรคเบาหวาน
มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ร่างกายต้องการอย่างมาก เพราะร่างกายต้องการพลังงาน และสารอาหารเข้าไปกระตุ้นระบบเผาผลาญ รวมถึงสามารถช่วยลดภาวะผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งถือเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานกว่า 40-50% ดังนั้นไม่เพียงเฉพาะผู้สูงอายุ แต่ทุกเพศทุกวัยไม่ควรละเลยอาหารเช้าอย่างยิ่ง
3. โรคกรดไหลย้อน
กระเพาะอาหารของเราเมื่อถึงเวลา มันก็จะหลั่งน้ำย่อยออกมาเพื่อย่อยอาหารตามเวลาปกติ แต่ถ้าเรากลับอดอาหารเช้า ไม่ยอมกิน น้ำย่อยเหล่านั้นก็จะไม่ได้ใช้งานและถูกขังอยู่ในร่างกายของเรา ทำให้หลอดอาหารและเยื่อบุกระเพาะอาหารเกิดระคายเคือง ยิ่งเราปล่อยให้เวลาผ่านไปนานมากขึ้นล่ะก็ กรดน้ำย่อยเหล่านั้นก็อาจจะย้อนจากหลอดอาหารขึ้นไปถึงคอหอยได้
ไม่กินข้าวเช้า แล้วเกี่ยวไรกับสมองล่ะ ? ก็เพราะว่าน้ำตาลในเลือดเป็นอาหารที่สำคัญสำหรับสมองไงล่ะ หลังจากตื่นนอน ร่างกายเราไม่ได้รับสารอาหารมาเป็นเวลานานกว่า 10-12 ชั่วโมง ถ้าเราไม่ทานอาหารเช้าอีกจะทำให้น้ำตาลในเลือดเราต่ำลง ทำให้มีน้ำตาลไปเลี้ยงสมองน้อย ส่งผลให้สมองส่วนความจำทำงานไม่เต็มที่ เฉื่อยชา และเสื่อมลงไปนั่นเอง
5. โรคหัวใจและหลอดเลือด
เมื่อไม่ได้ทานอาหารเช้าจนติดเป็นนิสัย จะทำให้เป็นโรคอ้วน เบาหวานและอีกหลายโรค ซึ่งเมื่อเจ้าโรคอ้วนและเบาหวานมาเยือน ปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายเราก็จะสูงขึ้น นั่นทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดตามมา มีผลสำรวจในอเมริกาพบว่า คนที่ไม่ทานอาหารเช้ามีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 20% เลยทีเดียว
ดังนั้น อาหารเช้าจึงเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเรามาก อย่าลืมทานอาหารเช้ากันนะคะ
by TVPOOL ONLINE