เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

การทำรีแพร์ (Repair) เป็นสิ่งที่หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้าง หลายคนมีความต้องการจะทำ และบางคนถึงขั้นจำเป็นต้องทำ แต่ก็ยังลังเลไม่เข้าใจรายละเอียดชัดเจน และเขินอายเกินกว่าจะไปเอ่ยปากถามใครตรงๆ เราได้รวบรวมนำเอาคำถามฮิตๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้จักกับคำว่า “รีแพร์” ให้ดียิ่งขึ้น

1. รีแพร์ คืออะไร?

  • รีแพร์ คือ การผ่าตัดตกแต่งช่องคลอด ที่มีความหย่อนยานให้กระชับขึ้น ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลานาน อายุที่มากขึ้นหรือเกิดจากการคลอดบุตร โดยอยู่ในรูปแบบของการทำศัลยกรรมตกแต่ง เพราะตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้เข้ารับการรักษา โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
  • แต่อย่างไรก็ตามในผู้เข้ารับการรักษาบางรายก็เป็นการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการผิดปกติ ที่มีสาเหตุมาจากภาวะช่องคลอดหย่อนยาน เช่น ภาวะปัสสาวะเล็ดหรือภาวะมดลูกหย่อน เป็นต้น โดยเฉพาะในสาวใหญ่อายุเยอะ หรือคุณแม่ที่คลอดลูกตัวโต รวมทั้งคุณผู้หญิงที่มีลูกหลายๆคน

2. แล้วผู้หญิงแต่ละคนควรจะทำแบบไหน?

การทำรีแพร์ มี 2 แบบ

  • อย่างแรก ทำเพื่อรักษาภาวะกระบังลมหย่อน ซึ่งส่งผลต่ออาการผิดปกติต่างๆในอุ้งเชิงกรานและมีความจำเป็นต้องรักษา จะทำการรักษาโดยการผ่าตัดตกแต่งช่องคลอดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (Anterior Posterior Vaginal Repair)
  • อย่างที่สอง คือ ไม่มีความจำเป็นต้องรักษา แต่ต้องการทําผ่าตัด เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดตกแต่งช่องคลอดเพียงด้านหลังด้านเดียว (Vaginoplasty/Posterior Vaginal Repair) โดยขณะนี้มีวิทยาการการผ่าตัดด้วยเลเซอร์ ซึ่งช่วยให้การผ่าตัดเจ็บน้อยกว่าและฟื้นตัวเร็วกว่า แต่อาจมีราคาสูงกว่าปกติ คือ ราคา 28,000 บาท
  • ทั้งนี้การจะตัดสินใจทำผ่าตัดหรือไม่ทำผ่าตัดนั้น เป็นวิจารณญาณส่วนตัวของคุณผู้หญิงแต่ละคน หากส่งผลต่อสุขภาพหรือความมั่นใจมาก ก็ควรจะทำเพื่อแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ดีต้องใคร่ครวญดูเสียก่อนว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีนี้หรือไม่ โดยเฉพาะในรายที่ต้องการผ่าตัดรักษา เพื่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตคู่

3. วาจิโนพลาสตี (Vaginoplasty) กับ รีแพร์ (Posterior Vaginal Repair) แตกต่างกันอย่างไร?

  • จริงๆ แล้ว ก็คือ การผ่าตัดตกแต่งช่องคลอดเหมือนกัน เพียงแต่ที่ศูนย์จุดซ่อนเร้นของเราให้นิยาม Vaginoplasty (VG) คือ การทำรีแพร์แบบที่ไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อช่องคลอดออกมากเท่ากับการทำรีแพร์ทั่วไป เนื่องจากผู้เข้ารับการรักษาไม่ได้ผ่านการมีบุตรหรือผ่านการมีเพศสัมพันธ์มามากนัก
  • ซึ่ง Vaginoplasty นั้นสามารถแยกย่อยออกไปอีก อาทิ การทำผ่าตัดร่วมกับการผ่าตัดตกแต่งเยื่อพรหมจารี เพื่อทำให้ช่องคลอดมีลักษณะคล้ายก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ซึ่งมักทำในประเทศหรือในสังคมที่เคร่งครัด เรื่องการมีเลือดออกในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ซึ่งผู้ที่จะทำการผ่าตัดชนิดนี้ได้ผล จะต้องผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาไม่มากนักและไม่เคยคลอดบุตรมาก่อน

4. ก่อน-หลัง การผ่าตัดรีแพร์ ต้องเตรียมตัวและดูแลตัวเองอย่างไร?

  • ก่อนทำการผ่าตัดคุณหมอจะมีการซักประวัติและตรวจร่างกายทั่วไป รวมทั้งมีการตรวจภายใน เพื่อเช็คมะเร็งปากมดลูก ในวันที่ต้องการผ่าตัดจะต้องงดน้ำและงดอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
  • ส่วนหลังการผ่าตัดต้องงดออกกำลังกาย 1 เดือน งดมีเพศสัมพันธ์ 2 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าแผลหายสนิท และพยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด เดินให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะช่วง 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด หลังจากนั้นแม้จะเคลื่อนไหวได้ แต่ก็ควรพยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันภาวะแผลแยก ภาวะแผลอักเสบและช่วยทำให้แผลผ่าตัดหายเร็วขึ้น

5. ผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดรีแพร์มีอะไรบ้าง?

  • อาการมึนงง เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน จากการได้ยาฉีดช่วยหลับขณะทำการผ่าตัด ภาวะนี้จะดีขึ้นได้เองเมื่อระดับยาในร่างกายลดลง
  • ภาวะปวดแผลผ่าตัด เมื่อยาชาที่ใช้ในการผ่าตัดหมดฤทธิ์ ซึ่งแพทย์จะจัดยาแก้ปวดให้รับประทานหลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัด ควรงดทำงานหนัก เนื่องจากจะทำให้แผลผ่าตัดเกิดการอักเสบ ทำให้มีอาการปวดแผลผ่าตัดมากขึ้น
  • เลือดคั่งหรือเลือดออกผิดปกติ ในระหว่างการผ่าตัดหรือหลังการผ่าตัดอาจพบได้ แต่พบได้น้อยมากประมาณน้อยกว่าร้อยละ 1 ของการผ่าตัด ไม่ควรรับประทานยาในกลุ่มแอสไพรินหรือกลุ่มยาลดการแข็งตัวของเลือด 10 วันก่อนหรือหลังการผ่าตัด
  • อาจจะมีอาการปัสสาวะลำบากหลังการผ่าตัด อาจพบได้ประมาณน้อยกว่าร้อยละ 1 ของการผ่าตัด ซึ่งเกิดจากการตึงตัวของกล้ามเนื้อรอบปากช่องคลอดหลังจากการผ่าตัดในระยะแรก ซึ่งพบได้ในผู้เข้ารับการผ่าตัดบางราย อาจมีความจำเป็นที่จะต้องใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้ในระยะ 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด หลังจากนั้นเมื่อภาวะตึงของกล้ามเนื้อรอบปากช่องคลอดลดลง ผู้เข้ารับการผ่าตัดก็จะสามารถปัสสาวะได้เองตามปกติ
  • มีตกขาวมากกว่าปกติหลังการผ่าตัด เนื่องจากภายในช่องคลอดจะเต็มไปด้วยน้ำหรือสารคัดหลั่งในช่องคลอด รวมทั้งแบคทีเรียต่างๆ ทําให้เกิดปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อที่ผ่าตัดและไหมที่เย็บช่องคลอด ซึ่งไหมที่ใช้ในการเย็บช่องคลอดเป็นไหมละลายช้า ซึ่งต้องใช้เวลานานอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ที่ไหมจะละลายได้หมด ดังนั้นการที่มีไหมอยู่ในช่องคลอดจะทำให้มีตกขาวออกมาจากช่องคลอดได้มากและนานได้ถึง 6-8 สัปดาห์หลังการผ่าตัด อย่างไรก็ตามหากตกขาวมีกลิ่นเหม็น ผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจจำเป็นต้องได้รับยารับประทานเพิ่มเติม
  • แผลอักเสบหรือแผลติดเชื้อ เนื่องจากแผลผ่าตัดอยู่ภายในช่องคลอด ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ใกล้ทางเดินปัสสาวะและทางเดินอุจจาระ ซึ่งมีแบคทีเรียชนิดต่างๆ ที่พร้อมที่จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน จากการอักเสบและการติดเชื้อที่แผลผ่าตัดได้ตลอดเวลา รวมทั้งภาวะแผลอักเสบหรือแผลติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ผู้รับการผ่าตัดที่มีการติดเชื้ออยู่ในช่องคลอดก่อนการผ่าตัดอยู่แล้ว เช่น เชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ดังนั้นผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ควรรักษาภาวะติดเชื้อในช่องคลอดให้หายก่อนทำการผ่าตัด และไม่แนะนำให้ทำการผ่าตัดในผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง